tag:blogger.com,1999:blog-34682952555924492422024-03-08T15:41:33.581+07:00Theppitak's MiscellanyThephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.comBlogger20125tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-45749870843312375712020-01-08T14:28:00.000+07:002020-01-08T14:28:56.330+07:00จากเกียร์กระปุกมาเกียร์อัตโนมัติ<p>เนื่องจากมีเหตุให้ต้องเปลี่ยนรถที่ขับจากเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์กระปุกมาเป็นเกียร์อัตโนมัติ เลยต้องหัดขับเกียร์อัตโนมัติ จนตอนนี้คุ้นชินเรียบร้อยแล้ว แต่ในระยะแรกนั้นพบว่ามีความเคยชินเก่าจากเกียร์กระปุกที่ทำให้ต้องใช้สติอย่างสูงในการขับ พอจะสรุปได้ 3 เรื่องหลักคือ:</p>
<ol>
<li>
<p><strong>ออกรถด้วยเกียร์ถอยหลัง</strong></p>
<p>ตอนที่ขับเกียร์กระปุกนั้น เวลาออกตัวจะเหยียบคลัตช์แล้วผลักคันเกียร์มาทางซ้ายแล้วหักขึ้นเป็นเกียร์ 1 แต่กับเกียร์อัตโนมัตินั้น เวลาจอดติดไฟแดงจะใช้เกียร์ N พอจะออกตัวไฟเขียว หากใช้ความเคยชินของเกียร์กระปุกผลักเกียร์ จะได้เกียร์ R ซึ่งเป็นเกียร์ถอยหลัง</p>
<p>การออกตัวด้วยเกียร์ R นี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นจริง แต่ก็ทำให้เกิดการชะงักเพื่อปรับความคิด จนบางทีถูกรถคันหลังบีบแตรไล่ได้ และมีครั้งหนึ่งที่เข้าเกียร์ R ไปแล้วนึกได้ จึงเปลี่ยนเกียร์กลับมา D ได้ทันก่อนออกตัว</p>
<p>หลายครั้งก็เกิดคำถามในใจ ว่าทำไมจะถอยหลังถึงต้องผลักเกียร์ไปข้างหน้า ในขณะที่เวลาจะไปข้างหน้ากลับต้องดึงเกียร์มาข้างหลัง? ทำไมไม่ตรงไปตรงมาเหมือนเกียร์กระปุก?</p>
</li>
<li>
<p><strong>มีปัญหาในการหยุดรถ</strong></p>
<p>ในการขับเกียร์กระปุก เราจะไม่เหยียบแป้นเบรกจนสุดโดยไม่เหยียบคลัตช์ เพราะนั่นจะทำให้เครื่องดับ อย่างมากก็แตะเบรกเพื่อชะลอเท่านั้น จนเมื่อรถจะหยุดเราจะใช้เท้าซ้ายเหยียบคลัตช์ร่วมด้วย ซึ่งพอมาขับเท้าเดียวกับเกียร์อัตโนมัติ การแตะเบรกเพื่อชะลอยังถือว่าปกติอยู่ แต่พอจะหยุดจะไม่กล้ากดแป้นเบรกเพิ่ม เพราะสัญชาตญาณจะบอกว่านั่นจะทำให้เครื่องดับ</p>
<p>ปัญหานี้ก็ทำให้ใช้เวลาหยุดรถนานขึ้น ต้องใช้สติสั่งสมองว่ากดลงไปเลย ไม่ต้องรอเหยียบคลัตช์ โชคดีที่ผ่านหลายสถานการณ์มาได้โดยรถไม่ชนคันหน้า!</p>
</li>
<li>
<p><strong>จอดรถเกียร์ N</strong></p>
<p>เรื่องนี้เกิดไม่บ่อย แต่ก็มีหลายครั้งที่เผลอ เพราะรถเกียร์กระปุกที่ปลดเกียร์ว่างแล้วสามารถดับเครื่องได้ทันที แต่กับรถเกียร์อัตโนมัติ บางสถานการณ์เรายังไม่มีความชัดเจนว่าจะหยุดหรือจะจอด (เช่น ตอนส่งคนลงรถ เราจะตามเข้าบ้านไปด้วยหรือไม่) ก็จะเปลี่ยนมาที่เกียร์ N ไว้ พอตัดสินใจได้ว่าจะลงรถ ความเคยชินจะบอกให้เรากดปุ่มดับเครื่องไปเลยโดยไม่ได้เปลี่ยนไปที่เกียร์ P ซึ่งเครื่องยนต์ก็ดับ เราก็ลงรถ แต่ปัญหาคือระบบไฟฟ้าของรถยังไม่ดับ ใครเข้ารถได้ก็สามารถขับออกไปได้เลยโดยไม่ต้องใช้กุญแจ!</p>
</li>
</ol>
<p>เหล่านี้คงเป็นปัญหาในระยะเปลี่ยนผ่านของคนที่เคยขับแต่เกียร์กระปุกแล้วเปลี่ยนมาขับเกียร์อัตโนมัติ ผมใช้เวลาอยู่พอสมควรเลยแหละ กว่าทุกอย่างจะเข้าที่</p>Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-11454547292670539692018-12-13T12:04:00.000+07:002018-12-13T12:04:11.732+07:00เกร็ดเมืองขอนแก่น: ถนนชีท่าขอน<p>บันทึกคำบอกเล่าเกร็ดประวัติเมืองขอนแก่นจากคุณแม่ เกี่ยวกับที่มาของชื่อถนน <q>ชีท่าขอน</q></p>
<p>ชื่อถนน <q>ชีท่าขอน</q> ฟังดูเผิน ๆ เหมือนจะมีนัยประวัติเกี่ยวกับแม่ชีสักคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับท่าน้ำสักแห่ง หรือไม่ก็รอคอยบางสิ่งบางอย่าง แต่จากคำบอกเล่าของคุณแม่แล้ว ที่มามาคนละทางกันเลย</p>
<p>ถนนที่ทอดจากถนนหน้าเมือง ผ่านตลาดบางลำภู-โบ๊เบ๊ สถานีตำรวจ โรงเรียนกัลยาณวัตร มูลนิธิสามัคคีอุทิศ (โป๊ยเซียน) ไปชนถนนอนามัยที่หน้าสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 4 เส้นนี้ แต่ก่อนสองข้างทางเป็นป่าละเมาะ เหมาะแก่การขับถ่ายของผู้คนในสมัยที่ยังไม่มีการสร้างส้วมเป็นที่แพร่หลาย เมื่อเดินผ่านก็จะเห็นของเสียที่คนขับถ่ายไว้เต็มสองข้างทาง โดยเฉพาะตามขอนไม้ จนได้ชื่อว่าเป็นถนน <q>ขี้ทาขอน</q></p>
<p>คำว่า <q>ขี้ทาขอน</q> นี้ เมื่อออกเป็นสำเนียงลาวแบบขอนแก่นก็จะเป็น <q>ขี่-ท่า-ขอน</q> หรือ <q>ฉี่-ท่า-ขอน</q> (เสียง ข-ค อีสานมักจะมีลมพ่นออกมาด้วย ทำให้เสียงคล้าย ช-ฉ) ต่อมาชื่อถนนนี้จึงถอดจากสำเนียงพื้นบ้านมาตรง ๆ กลายเป็นถนน <q>ชีท่าขอน</q> ในปัจจุบัน</p>
Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-76550858777519849072013-04-13T14:03:00.000+07:002013-04-13T14:03:01.025+07:00เมาไม่ขับ<p>วันสิ้นปี 2533 เป็นวันประวัติศาสตร์ที่พลิกผันชีวิตของครอบครัวผมอย่างไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก แม้กาลเวลาจะช่วยเราให้ลืมและให้อภัยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วก็ตาม แต่ผลกระทบที่อยู่กับเรามา 22 ปีกว่าแล้วนั้นก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่อาจฝืนความจริงได้</p>
<p>ความจริงผมไม่อยากเขียนหรือคิดถึงมัน แต่ในที่สุดก็เขียนเพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคน หลังจากที่ตรึกตรองขณะฟังข่าวอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลมาหลายปี</p>
<p>วันนั้นพวกผมพี่น้องกลับมาเยี่ยมบ้านกันพร้อมหน้า แต่แล้วก็ได้รับข่าวร้าย <q>พ่อถูกรถชน</q> พ่อซึ่งกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากที่ทำงานจะกลับบ้าน ถูกรถปิคอัพชนอย่างแรง ร่างของพ่อกระเด็นไปไกล หัวน็อคพื้น <em>โดยคนขับปิคอัพอยู่ในสภาพมึนเมา</em></p>
<p>เดชะบุญ ด้วยความช่วยเหลือจากหลาย ๆ ฝ่าย พ่อถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างทันท่วงที ได้รับการผ่าตัดสมองและดามเหล็กที่กระดูกขาที่หัก พ่อสลบไปนานกี่เดือนผมก็จำไม่ได้ แต่ผมซึ่งกำลังเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ต้องเทียวไปเทียวมาเพื่อมาช่วยเฝ้าพ่อเป็นระยะ รวมทั้งช่วยกันให้กำลังใจซึ่งกันและกันในครอบครัว มันเป็นเวลาที่ยาวนานมากสำหรับพวกเรา ไม่ว่าใครจะเรียนวิทยาศาสตร์มาแค่ไหน แต่ทุกคนต่างอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยรักษาพ่อ</p>
<p>ด้วยฝีมือหมอ ในที่สุดพ่อก็ฟื้นอย่างปาฏิหาริย์ หลังจากฟื้นแล้ว ยังต้องนอนเข้าเฝือกบนเตียงอีกเป็นเดือน มีแผลกดทับให้รักษา พอถอดเฝือกแล้วยังต้องฝึกพูด ทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ หัดเดินด้วยขาที่ยาวไม่เท่ากันเพราะกระดูกหัก หัดทำกิจกรรมพื้นฐานต่าง ๆ ตั้งแต่ใส่เสื้อ หยิบจับของ กินข้าว ด้วยสภาพร่างกายซีกขวาอ่อนแรงเพราะสมองได้รับความเสียหาย</p>
<p>เรื่องที่ใหญ่กว่านั้นคือความบกพร่องทางสมองจากการสูญเสียเนื้อสมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมความประพฤติและการตัดสินใจ ทำให้ถึงแม้จะฟื้นฟูสภาพร่างกายขึ้นมาได้มาก แต่ความประพฤติจะเหมือนเด็ก ไม่สามารถใช้เหตุผลได้เต็มที่ สมาธิสั้น สรุปคือพ่อไม่สามารถทำงานอะไรได้เหมือนเดิมอีกแล้ว และบ้านผมก็เสมือนมีเด็กอนุบาลตัวใหญ่ ๆ ให้ดูแลเพิ่มขึ้นหนึ่งคน พร้อม ๆ กับการสูญเสียเสาหลักของครอบครัวไป</p>
<p>ก็เหมือนกับครอบครัวอื่นที่มีผู้ป่วยหนัก เป็นเวลาหลายปีที่พวกเราทดลองและพยายามเสาะหาทุกวิถีทางที่จะรักษาอาการเจ็บป่วยของพ่อ จนกระทั่งอาการพ่อเริ่มจะอยู่ตัวแล้ว เราก็เริ่มยอมรับสภาพ ได้แต่ประคับประคองไปตามอาการ</p>
<p>ส่วนผลกระทบที่ว่าเปลี่ยนแปลงชีวิตของครอบครัวเราไปตลอดกาลนั้น ก็เช่น:</p>
<ul>
<li> แม่ต้องปิดกิจการร้านค้าตั้งแต่วันที่พ่อถูกรถชน เพื่อมาเฝ้าพยาบาลพ่อ โดยไม่สามารถกลับไปเปิดกิจการใหม่ได้อีกเลย แหล่งรายได้ใหญ่ของครอบครัวเราจึงถูกตัดไปอีกทาง (นอกเหนือจากการงานของพ่อ) และรวมไปถึงการเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราที่เคยวนเวียนบริการลูกค้าอยู่หน้าร้าน ก็เปลี่ยนมาวนเวียนใช้บริการโรงพยาบาลราวกับเป็นบ้านแห่งที่สองแทน </li>
<li> พ่อเดินไปไหนมาไหนเองไม่ได้ แม้แต่ใช้วอล์กเกอร์หรือรถเข็น กิจกรรมทุกอย่างที่ต้องลุกจากที่นั่ง เช่น การขับถ่าย หรือไปอาบน้ำ เข้าห้องนอน จึงต้องอาศัยคนพยุงทั้งสิ้น </li>
<li> เราแทบไม่เคยออกไปกินข้าวนอกบ้านเลย นอกจากโอกาสพิเศษจริง ๆ เพราะพ่อเดินเหินไม่สะดวก งานครัว งานล้างจานที่บ้าน จึงไม่มีวันหยุดไม่ว่ากรณีใด ๆ การเปลี่ยนบรรยากาศหรือรสชาติอาหาร หมายถึงการเปลี่ยนร้านที่ซื้ออาหารเท่านั้น ทั้งนี้ รวมถึงการท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ หรือแม้แต่ออกไปทำงานนอกบ้าน ก็ถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขว่าต้องมีคนอยู่กับพ่อที่บ้านอย่างน้อยหนึ่งคนตลอดเวลา </li>
<li> อาการทางสมองของพ่อ มักสร้างความเสียหายเนือง ๆ เช่น ขับถ่ายที่ที่นั่งโดยไม่บอกกล่าว อาจจะเพราะไม่อยากเดินไปห้องน้ำ หรือไม่อยากรบกวนคนอื่น หรืออะไรก็ตามแต่ ทำให้เราต้องคอยเช็ดถูอยู่บ่อย ๆ หรือบางทีต้องพาไปอาบน้ำและซักเสื้อผ้าด้วย โดยปกติเราจึงต้องคอยจับตาดู คอยกะจังหวะที่พ่อน่าจะปวดฉี่อยู่ทั้งวัน เรื่องผ้าอ้อมไม่ต้องเป็นห่วง ใช้อย่างน้อยวันละหนึ่งชิ้น ซึ่งน่าจะเป็นค่าใช้จ่ายประจำที่สิ้นเปลืองที่สุดเรื่องหนึ่ง </li>
<li> การควบคุมการเคลื่อนไหวของมือพ่อก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้พ่อทำจานตกแตกบ่อย ๆ ด้วยการเทกระจาดทั้งโต๊ะ เพียงเพราะต้องการเลื่อนโต๊ะออกจากตัว ข้าวของที่อยู่บนโต๊ะจึงเป็นสิ่งที่เราต้องระวังไม่ให้คลาดสายตาอีกเหมือนกัน รวมทั้งตัวโต๊ะเองก็จะถูกโยกจนพังและต้องเปลี่ยนใหม่อยู่เป็นระยะ </li>
<li> การกินอาหารหรือดื่มน้ำ ต้องคอยคะยั้นคะยอให้พ่อกิน พ่อจะตักข้าวเองเฉพาะช่วงแรกที่ยังหิวเท่านั้น นอกนั้นต้องคอยกระตุ้น น้ำถ้าไม่ใช่น้ำหวานก็จะดื่มทีละอึกแล้วก็เลิก กว่าน้ำจะหมดแก้วก็ต้องกระตุ้นทุกอึก ไม่ต่างจากเด็กอนุบาลเท่าไร </li>
<li> บางครั้งจะเกิดเหตุที่ทำให้ต้องวางมือจากทุกสิ่งมาทำให้พ่อก่อน เช่น อาหารเป็นพิษ พ่อถ่ายรดที่นอน ก็ต้องมาจัดแจงพาพ่อไปอาบน้ำ เก็บกากไปทิ้ง เก็บที่นอนไปซัก รวมถึงล้างพื้นเตียง บางครั้งแม้มีธุระหรือจะออกไปทำงานทำการนอกบ้านก็ต้องเลื่อนไปก่อน </li>
<li> อาการทางสมองทำให้พ่อสื่อสารกับเราไม่ค่อยได้ เราจึงต้องคอยสังเกตสังกาอาการผิดปกติต่าง ๆ จากภายนอก ในช่วงหลังเราได้เรียนรู้โรคต่าง ๆ มากมาย เช่น โรคกระเพาะ ลำไส้อักเสบ โรคผิวหนัง ต้อหิน ต้อกระจก กระดูกพรุน ต่อมลูกหมากโต เรามักได้พาพ่อเข้าห้องฉุกเฉินบ่อย ๆ เพราะไม่รู้มาก่อนว่าพ่อมีอาการข้างในอย่างไรบ้าง จะรู้ก็ตอนที่เป็นมากแล้ว และต้องรักษาอย่างรีบด่วน ภาวะแบบนี้ทำให้เราต้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินทุกเมื่อ </li>
<li> ที่โรงพยาบาล การรักษาแต่ละโรคของพ่อไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพ่อสื่อสารกับหมอไม่ค่อยได้ และไม่ค่อยให้ความร่วมมือ การผ่าตัดบางเรื่องที่คนปกติอาจไม่ถือว่ายากลำบากเกินไป เช่น การผ่าต้อกระจก แต่สำหรับพ่อแล้ว เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะพ่อไม่ยอมอยู่นิ่ง ๆ ให้หมอทำ ต้องวางยาสลบสถานเดียว บางครั้งเจอหมอที่ไม่เข้าใจ คิดว่าจะสามารถตัดไหมได้เหมือนคนทั่วไป แต่พอทำจริงพ่อจะดิ้นขัดขืน จนเสี่ยงจะตาบอดได้ทีเดียว สำหรับพ่อต้องใช้ไหมละลายเท่านั้น การรักษาพ่อจึงมักต้องการหมอที่มีประสบการณ์สูง และมักต้องใช้อุปกรณ์พิเศษเสมอ ๆ </li>
<li> การดูแลพ่อที่บ้านหลังจากออกจากโรงพยาบาลในแต่ละโรคก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพ่อไม่มีการควบคุมตัวเองใด ๆ ทั้งสิ้น ผ่าตัดตาก็จะขยี้ตา จนเราต้องผลัดเวรกันเฝ้าพ่อทั้งคืน ตอนเป็นโรคผิวหนัง เวลาคันก็จะเกาจนแผลถลอกเลือดไหล เราต้องคอยจับตาไม่ให้คลาดสายตาอยู่ตลอด </li>
</ul>
<p>ทั้งหมดนี้ ทำให้การดูแลพ่อเป็นงานที่กินเวลาและอาศัยความอดทนสูง ต้องใจเย็นและมีมุขมาล่ออยู่ตลอด ต้องรู้จังหวะจะโคนที่จะไม่ทำให้พ่อฉุนเฉียว ต้องคอยจับตาดูจนคนที่ดูแลจะเหลือเวลาไปทำอย่างอื่นน้อยมาก แม่จึงไม่สามารถเปิดร้านค้าได้อย่างเดิม และช่วงหลังลูกที่มาช่วยแบ่งเบาภาระก็แทบไม่เป็นอันทำงานอาชีพเหมือนกัน การจะตั้งสมาธิให้ทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย ยังไม่นับเรื่องเจ็บป่วยเพราะขาดการพักผ่อนหรือลืมดูแลตัวเองอีก</p>
<p>ที่เขียนอย่างละเอียดขนาดนี้ ไม่ใช่จะบ่นหรือโอดครวญนะครับ อย่าเข้าใจผิด แต่เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพเป็นกรณีศึกษา ว่าความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุมันใหญ่หลวงเพียงไหนถ้าคุณขับรถโดยประมาทในสภาพมึนเมา พ่อผมเป็น family man เหล้ายาไม่เคยแตะ แต่ต้องมารับผลของความประมาทอันเกิดจากการเมาแล้วขับของคนอื่น ผลกระทบไม่ใช่เกิดกับเหยื่อเพียงเท่านั้น ยังกระทบไปถึงครอบครัวของเหยื่ออย่างถาวรด้วย</p>
<p>การฟังข่าวอุบัติเหตุแต่ละครั้งจึงทำให้ผมเกิดอารมณ์ร่วมกับผู้เสียหายเป็นธรรมดา</p>
<p>กรณีพ่อผมเป็นเพียงกรณีหนึ่ง แต่ถ้าพิจารณากรณีอุบัติเหตุทั้งหมดที่เกิดขึ้นรวมกันแล้วจะเห็นว่า:</p>
<ul>
<li> เมาแล้วขับทำให้เพิ่มภาวะโลกร้อน (การพยาบาลผู้ป่วยเป็นเรื่องสิ้นเปลืองทรัพยากรมาก) </li>
<li> เมาแล้วขับทำลายเศรษฐกิจของประเทศ (ประเทศชาติเสียกำลังคนไปหลายคน ไม่ใช่แค่เหยื่อเท่านั้น แต่รวมถึงคนในครอบครัวของเหยื่อ <em>ในระยะยาว</em> ด้วย) </li>
<li> เมาแล้วขับทำให้เกิดปัญหาสังคม (ครอบครัวเหยื่อขาดเสาหลัก การดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดความเครียดสะสม บางบ้านอาจเกิดปัญหาครอบครัวต่าง ๆ ตามมา โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ) </li>
</ul>
<p>ผมขอพูดถึงผลกระทบที่เกิดกับคนอื่นและส่วนรวมก็พอ เพราะไม่คิดว่าคนที่ดื่มเขาจะฟังเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพของตัวเอง ไม่งั้นเขาคงงดดื่มไปแล้ว แต่ถ้าดื่มแล้วจะขับรถ ก็ขอให้นึกถึงผลกระทบที่จะเกิดกับคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่บ้างเถิดนะครับ</p>
Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-56261980739233419982013-02-14T15:42:00.000+07:002013-03-01T14:14:11.849+07:00พ่อจ๋าหนูอยากแต่งงาน (阿爸我欲嫁)<p>ตรุษจีนต่อด้วยวาเลนไทน์ หนุ่มสาวบางคนอาจนึกรวบขออั่งเปาจากพ่อแม่แบบอาหมวยคนนี้ ดูว่าจะได้คำตอบยังไง</p>
<iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/EJl2-sZPOLE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
<h3>พ่อจ๋าหนูอยากแต่งงาน (阿爸我欲嫁)</h3>
<p><strong>走仔/ลูกสาว:</strong></p>
<p>爸爸妈妈哦问你知唔知<br />
爸爸媽媽哦問你知唔知<br />
ปาปามามาเอ๋ยหมึ่งลื่อไจอึ่มไจ<br />
พ่อจ๋าแม่จ๋ารู้บ้างหรือเปล่า</p>
<p>妈妈爸爸哦现今的时代<br />
媽媽爸爸哦現今的時代<br />
มามาปาปาเอ๋ยเหี่ยงกิมตีสี่ต่อ<br />
แม่จ๋าพ่อจ๋ายุคสมัยนี้น่ะ<br />
</p>
<p>青春少年家自由谈恋爱<br />
青春少年家自由談戀愛<br />
แช*ชุงเซี่ยวหนี่แกจื่ออิ่วท้ำล่วงไอ่*<br />
พวกเด็กวัยรุ่นเขาบอกรักกันอย่างเสรี</p>
<p>人人需要爱的关怀<br />
人人需要愛的關懷<br />
หนั่งนั้งซูเอี่ยวไอ่*ตีกวงไฮว้<br />
ใครใครก็ต้องการความเอาใจใส่ด้วยความรัก</p>
<p>爸爸妈妈会问你知唔知<br />
爸爸媽媽會問你知唔知<br />
ปาปามามาเอ๋ยหมึ่งลื่อไจอึ่มไจ<br />
พ่อจ๋าแม่จ๋ารู้บ้างหรือเปล่า</p>
<p>妈妈爸爸会女儿个心内<br />
媽媽爸爸會女兒個心內<br />
มามาปาปาเอ๋ยหนึ่งยี้ไก่ซิมไหล<br />
แม่จ๋าพ่อจ๋าในใจของลูกสาวนั้น</p>
<p>青春花当开花开有人采<br />
青春花當開花開有人採<br />
แช*ชุงฮวยตึงไคฮวยไคอู่หนั่งไช<br />
ดอกไม้อ่อนเมื่อบานยังมีคนเก็บ</p>
<p>为何女儿还无人来爱<br />
為何女兒還無人來愛<br />
อุ่ยฮ้อหนึ่งยี้ฮัวบ่อหนั่งไหล่ไอ่*<br />
ทำไมลูกสาวถึงยังไม่มีใครมารัก</p>
<p><strong>爸爸/พ่อ:</strong></p>
<p>一时口难开如何来交代<br />
一時口難開如何來交代<br />
เจ็กซี้เค่าหลั่งไคหยู่ฮ้อไหล่เก่าเถ่ย<br />
เปิดปากแต่ละทีก็ยาก จะมาเทียบกันได้ยังไง</p>
<p>谢了面皮羞理还唔知<br />
謝了面皮羞理還唔知<br />
เสี่ยเลี่ยวหมิ่งพ้วยเสียวลี่ฮัวอึ่มไจ<br />
ร่วงโรยแล้วหนังหน้าจะอับอายยังไม่รู้</p>
<p>你若想爱嫁 父母为你来安排<br />
你若想愛嫁 父母為你來安排<br />
ลื่อเหยียกเสี่ย#ไอ*แก่ แป่บ้ออุยหลื่อไหล่อังไป๊<br />
ถ้าลูกอยากแต่งงาน พ่อแม่ก็จะจัดการให้</p>
<p>慢慢来 爱忍耐 婚姻大事莫乱来<br />
慢慢來 愛忍耐 婚姻大事孬亂來<br />
หมั่งหมั่งไล้ ไอ*ยิ่มไหน ฮุงอิงตั่วสื่อมอหล่วงไล้<br />
ช้าช้าหน่อย รักต้องอดทน การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ไม่ควรผิดธรรมเนียม</p>
<p><strong>走仔/ลูกสาว:</strong></p>
<p>爸爸妈妈哦问你知唔知<br />
爸爸媽媽哦問你知唔知<br />
ปาปามามาเอ๋ยหมึ่งลื่อไจอึ่มไจ<br />
พ่อจ๋าแม่จ๋ารู้บ้างหรือเปล่า</p>
<p>妈妈爸爸哦现今的时代<br />
媽媽爸爸哦現今的時代<br />
มามาปาปาเอ๋ยเหี่ยงกิมตีสี่ต่อ<br />
แม่จ๋าพ่อจ๋ายุคสมัยนี้น่ะ<br />
</p>
<p>青春少年家自由谈恋爱<br />
青春少年家自由談戀愛<br />
แช*ชุงเซี่ยวหนี่แกจื่ออิ่วท้ำล่วงไอ่*<br />
พวกเด็กวัยรุ่นเขาบอกรักกันอย่างเสรี</p>
<p>人人投入爱的世界<br />
人人投入愛的世界<br />
หนั่งนั้งเต่าหยิบไอ่*ตีซี่ไก่<br />
ใครใครก็ต่างเดินเข้าสู่โลกแห่งความรัก</p>
<h3>อ้างอิง:</h3>
<ol>
<li> ชวน เซียวโชลิต (ประสิทธิ์ ชวลิตธำรง). <strong>ปทานุกรมจีน-ไทย 中泰大辭典.</strong> -- กรุงเทพฯ: นานมี, 2505. 1700 หน้า. </li>
</ol>
Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-22983426711036715102013-01-11T11:38:00.001+07:002015-06-19T11:44:06.853+07:00ผลไม้ในภาษาจีนกลาง-แต้จิ๋ว<p>เปรียบเทียบคำเรียกผลไม้ภาษาจีนกลางกับแต้จิ๋ว</p>
<ul>
<li> แอปเปิล จีนกลาง: 苹果 [píngguǒ]; แต้จิ๋ว: 蘋果 [ผิ่งก้วย] หรือ 苹果 [เผ่งก้วย] </li>
<li> กล้วยหอม จีนกลาง: 香蕉 [xiāngjiāo]; แต้จิ๋ว: 弓蕉 [เก็งเจีย#] </li>
<li> แตงโม เรียกเหมือนกันว่า 西瓜 [xīguā; แต้จิ๋ว: ซีกวย] </li>
<li> ฟักเขียว/ฟักแฟง เรียกเหมือนกันว่า 冬瓜 [dōngguā; แต้จิ๋ว: ตังกวย] (แตงฤดูหนาว ไม่ใช่ 东瓜/東瓜 แตงตะวันออกอย่างที่หลายคนเข้าใจ)</li>
<li> ส้ม จีนกลาง: 桔子 [júzi]; แต้จิ๋ว: 柑 [กา*] ถ้าเป็น 桔 [กิก] จะหมายถึงส้มลูกเล็ก ๆ ซึ่งคำว่า 桔 นี้ไปพ้องเสียงกับคำว่า 吉 [กิก] ที่แปลว่า สิริมงคล คนจีนจึงมอบส้มกันในเทศกาลปีใหม่เพื่อเป็นสิริมงคล </li>
<li> มะนาว (lime): จีนกลาง: 青柠/青檸 [qīngníng]; แต้จิ๋ว: 酸柑[ซึงกา*] </li>
<li> มะนาว (lemon): เรียกเหมือนกันว่า 柠檬/檸檬 [níngméng; แต้จิ๋ว: เหล่งม้ง] </li>
<li> สตรอเบอร์รี ไม่เคยเรียกในภาษาแต้จิ๋ว แต่พจนานุกรมบอกตัวเขียนตรงกับจีนกลางว่า 草莓 [cǎoméi; แต้จิ๋ว: เฉาบ๊วย] -- เหมือนจะแปลตามตัวเลย: 草 = straw; 莓 = berry/moss </li>
<li> ทุเรียน จีนกลาง: 榴莲/榴蓮 [liúlián]; แต้จิ๋ว: 塗涼 [โถ่วเลี้ยง] </li>
<li> มะม่วง จีนกลาง: 芒果 [mángguǒ]; แต้จิ๋ว: 檨 [ส่วย*] </li>
<li> ลำไย จีนกลาง: 龙眼/龍眼 [lóngyǎn] (ตามังกร); แต้จิ๋ว: 肉矮 [เหน็กเอ้ย] </li>
<li> มะละกอ จีนกลาง: 木瓜 [mùguā] (แตงไม้); แต้จิ๋ว: 奶瓜 [นีกวย] (แตงนม) </li>
<li> สับปะรด จีนกลาง: 菠萝/菠蘿 [bōluó]; แต้จิ๋ว: 紅梨 [อั่งไล้] (สาลี่แดง เป็นภาษาพูดของคำว่า 鳳梨) -- คำใกล้เคียงคือ 紅毛梨 [อั่งหม่อไล้] (สาลี่ผมแดง/สาลี่ฝรั่งมังค่า) แปลว่า ละมุด </li>
<li> สาลี่ เรียกเหมือนกันว่า 梨 [lí; แต้จิ๋ว: ไล้ แต่ส่วนมากเรียกยาวว่า 山東梨 (ซัว*ตังไล้) - สาลี่จากซานตง] </li>
<li> ฟักทอง จีนกลาง: 南瓜 [nánguā] (แตงใต้); แต้จิ๋ว: 番瓜 [ฮวงกวย] (แตงเทศ) </li>
<li> แตงกวา จีนกลาง: 黃瓜 [huángguā] (แตงเหลือง); แต้จิ๋ว: 吊瓜 [เตี้ยวกวย] (แตงแขวน) </li>
<li> ฝรั่ง จีนกลาง: 番石榴 [fānshíliu] (ทับทิมเทศ); แต้จิ๋ว: 木仔 [บักเกี้ย] (ลูกไม้) </li>
<li> องุ่น เรียกเหมือนกันว่า 葡萄 [pútáo; แต้จิ๋ว: ผู่ท้อ] </li>
<li> ลูกพลับ เรียกคล้ายกัน จีนกลาง: 柿子 [shìzi]; แต้จิ๋ว: 柿 [ไส] </li>
<li> ส้มโอ เรียกคล้ายกัน จีนกลาง: 柚子 [yòuzi]; แต้จิ๋ว: 柚 [อิ่ว] </li>
<li> ลูกท้อ เรียกคล้ายกัน จีนกลาง: 桃子 [táozi]; แต้จิ๋ว: 桃果 [ถ่อก้วย] </li>
<li> ลิ้นจี่ จีนกลาง: 荔枝 [lìzhī]; แต้จิ๋ว: 蓮果 [เหน่ยก้วย] (ผลบัว) </li>
<li> น้อยหน่า จีนกลาง: 番荔枝 [fānlìzhī]; แต้จิ๋ว: 林檎 [หนิ่มคิ้ม] </li>
<li> ทับทิม เรียกเหมือนกันว่า 石榴 [shíliu; แต้จิ๋ว: เจียะ#ลิ้ว] </li>
<li> ขนุน เรียกเหมือนกันว่า 菠萝蜜/菠蘿蜜 [bōluómì; แต้จิ๋ว: ปอหล่อบิ๊ก] (สับปะรดน้ำผึ้ง) </li>
<li> มะพร้าว เรียกเหมือนกันว่า 椰子 [yēzi; แต้จิ๋ว: เอี่ยจี้] </li>
<li> มะเฟือง เรียกเหมือนกันว่า 杨桃/楊桃 [yángtáo; แต้จิ๋ว: เอี่ยท้อ] </li>
<li> ลางสาด เรียกเหมือนกันว่า 兰撒/蘭撒 [lánsā; แต้จิ๋ว: หลั่งสัก] (ทับศัพท์คำมาเลย์) </li>
</ul>
<p>หมายเหตุ:</p>
<ul>
<li> เสียงอ่านแต้จิ๋วที่ใส่ดอกจัน (*) หมายถึงให้ออกเสียงออกจมูก (เรียกว่าเสียงนาสิก) ด้วย </li>
<li> เสียงอ่านแต้จิ๋วที่ใส่ # กำกับสระเอียะ/เอีย หมายถึงเสียงสระ "อี-โอ" หรือ "อี-ออ" ควบกัน ไม่ใช่ "อี-อา" </li>
</ul>
<p><strong>Update (2015-06-19):</strong> เพิ่มหมายเหตุสัปปะรดว่า "อั่งไล้" เป็นภาษาพูดของคำว่า 鳳梨</p>
Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-84911852296526073262012-04-18T22:26:00.000+07:002012-09-19T21:06:44.540+07:00บนฟ้ามีห่านหนึ่งตัว (天顶一只鹅)<p>ผลจากการมีเวลาว่างช่วงสงกรานต์โดยไม่มีเน็ตใช้ ทำให้สามารถแกะเพลงแต้จิ๋วได้อีกหนึ่งเพลง คราวนี้กลับมาที่เพลงพื้นบ้านเบา ๆ ว่าด้วยชีวิตรันทดของคนที่ถูกเรียกว่า "ตั่วแปะ" (ลุงใหญ่) ทั้งที่ตัวเองยังโสดอยู่ จนต้องหลบลี้หนีมาสยามทำมาหากิน คนแต้จิ๋วหลายคนรู้จักเพลงนี้ คือ 天頂一隻鵝 [ทีเต้งเจ็กเจี้ยะก๎ง๊อ] บนฟ้ามีห่านหนึ่งตัว เป็นเพลงที่ดัดแปลงมาจากลำนำพื้นบ้าน โดยเติมสีใส่ไข่เพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งท่อน มีการหยิบพัดมาบังหน้าแล้วต่อว่าพ่อแม่ด้วย</p><p>ภาษาที่ใช้เป็นภาษาพูดธรรมดา ฟังไม่ยากเกินไป แต่ปัญหาของภาษาพูด ไม่ว่าจะเป็นแต้จิ๋วหรือจีนถิ่นอื่น ๆ ก็คือหลายคำหาตัวเขียนลำบาก ในคาราโอเกะจึงมักใช้วิธีเลี่ยงไปใช้ตัวเขียนอื่นแล้วอ่านทับคำเอาดื้อ ๆ คลิปนี้ก็เหมือนกัน จึงได้พยายามค้นคว้าหาตัวเขียนเท่าที่หาได้จากแหล่งอ้างอิงออฟไลน์ที่มี</p><iframe src="http://www.youtube.com/embed/vGMxZPB8KCE" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" width="420"></iframe><h3>บนฟ้ามีห่านหนึ่งตัว (天頂一隻鵝)</h3><p>天顶一只鹅<br>天頂一隻鵝<br>ทีเต้งเจ็กเจี้ยะก๎ง๊อ<br>บนฟ้ามีห่านหนึ่งตัว</p><p>阿弟有嬷阿兄无<br>阿弟有嬤阿兄無<br>อาตี๋อู่โบ้วอาเฮีย*บ๊อ<br>น้องชายมีเมียพี่ชายไม่มี<br>(คำว่า "โบ้ว" ที่แปลว่า "เมีย" นี้ พบตัวเขียนหลายแบบ ในพจนานุกรมแต้จิ๋วที่ใช้อ้างอิงไม่พบคำนี้ แต่พอตรวจสอบกับ <a href="http://www.gaginang.org/">gaginang.org</a> พบว่าใช้ตัว 嬤 เหมือนในคาราโอเกะ ซึ่งพจนานุกรมจีนกลางกลับแปลว่า "แม่" แต่ "เหล่าตั๊ง" ใช้ตัว 𡚸 โดย 㜁𡚸 [จาโบ้ว] = ผู้หญิง ซึ่งอันที่จริงส่วนหลัง 么 ก็เป็นตัวย่อของ 麼 นั่นเอง)</p><p>阿弟生仔叫大伯<br>阿弟生仔叫大伯<br>อาตี๋แซ*เกี้ยเกี้ย#ตั่วแปะ<br>น้องชายมีลูกเรียกลุงใหญ่</p><p>大伯羞理无奈何<br>大伯羞理無奈何<br>ตั่วแปะเสียวลี่บ่อไหน่ฮ้อ<br>ลุงใหญ่อับอายจนไม่รู้จะทำยังไง<br>(คำว่า [เสียวลี่] ในคาราโอเกะใช้ว่า 小理 ซึ่งจะออกเสียงเป็น [เสียวลี่] ได้พอดี แต่ความหมายจะเป็นทำนอง "เหตุผลน้อย " หนังสือสำนวนพื้นบ้านแต้จิ๋วใช้ 羞理 ซึ่งตัว 羞 ซึ่งแปลว่า "อับอาย" ปกติอ่านว่า [ซิว] แต่ใน 羞理 อ่านเป็น [เซี่ยว] มีเพลงบางเวอร์ชันใช้คำว่า 害羞 [ไห่ซิว] แปลว่า "อับอาย" ตรงตัว แต่ไม่ใช่ภาษาพูดปกติ บางเวอร์ชันใช้แค่ว่า 听着 [เทีย*เตี๊ยะ#] คือ "ได้ยินเข้า" เท่านั้นเอง)</p><p>--</p><p>𢭪枝扇仔将面遮<br>𢭪枝扇仔將面遮<br>เขียะ#กีซี้*เกี้ยเจี้ยงหมิ่งเจีย<br>หยิบพัดอันน้อยมาบังหน้า<br>(ในคาราโอเกะใช้คำว่า 拿 [น่า] = ถือ แทน 𢭪 [เคียะ#] = หยิบ แล้วอ่านทับคำ เข้าใจว่าตัว 𢭪 เป็นอักษรที่ใช้เฉพาะในภาษาถิ่น ไม่มีในจีนกลาง)</p><p>一来怨娘二怨爹<br>一來怨娘二怨爹<br>อิกไหล่อ้วงเนี้ย#หยี่อ้วงเตีย<br>มานั่งเคืองแม่หนึ่ง พ่ออีกหนึ่ง</p><p>怨我爹娘无主意<br>怨我爹娘無主意<br>อ้วงอัวเตียเนี้ย#บ่อจูอี่<br>เคืองที่พ่อแม่ฉันไม่รู้จักคิด</p><p>阿弟怎呢先娶过阿兄<br>阿弟怎呢先娶過阿兄<br>อาตี๋จ้อหนี่โซยฉั่วก้วยอาเฮีย*<br>น้องชายทำไมชิงแต่งงานก่อนพี่ชาย<br>(怎 ปกติอ่านว่า [จ้า] แต่ในคำว่า 怎呢 จะอ่านว่า [จ่อ] ผันเป็น [จ้อนี้] แปลว่า "ทำไม" เป็นคำภาษาพื้นบ้านแต้จิ๋วที่ใช้บ่อย)</p><p>--</p><p>拜别爹娘往暹罗<br>拜别爹娘往暹羅<br>ไป้เปี๊ยกเตียเนี้ย#อวงเสี่ยมล้อ<br>กราบลาพ่อแม่มุ่งสู่สยาม<br>(บางเวอร์ชันว่า 收拾包裹過暹羅 [ซิวสิบเปาล่อก้วยเสี่ยมล้อ] จัดห่อสัมภาระไปสยาม)</p><p>走来去暹罗块卖霜糕<br>走來去暹羅塊賣霜糕<br>เจาไลคื่อเสี่ยมล้อกอโบ่ยซึงกอ<br>ลี้ไปสยามขายไอติม<br>(บางเวอร์ชันว่ามาสยาม 牽豬哥 [คังตือกอ] คือมาเลี้ยงหมูพ่อพันธุ์)</p><p>赚有钱银加减寄<br>賺有錢銀加减寄<br>ทั่งอู่จี่*งึ้งแกเกียมเกี่ย<br>ได้เงินสะสมไว้อีกสักหน่อย<br>(ในคาราโอเกะ ใช้ 多少 [ตอเจี้ย#] แทน 加减 [เกียเกียม/แกเกียม] แล้วอ่านทับคำ แปลเหมือนกันว่า "อีกสักหน่อย")</p><p>正好返来去娶个雅老婆<br>正好返來去娶個雅老婆<br>เจี๊ย*ฮ่อตึงไลคือฉั่วไก่เงียเหล่าพ้อ<br>แล้วค่อยกลับไปแต่งเมียสวย ๆ สักคน<br>(老婆 ปกติอ่านว่า [เหล่าพั้ว] แปลว่า "เมีย" แต่ในที่นี้อ่านเป็น "เหล่าพ้อ" เพื่อให้เสียงสัมผัสในกลอน)</p><h3>อ้างอิง:</h3><ol> <li> ชวน เซียวโชลิต (ประสิทธิ์ ชวลิตธำรง). <strong>ปทานุกรมจีน-ไทย 中泰大辭典.</strong> -- กรุงเทพฯ: นานมี, 2505. 1700 หน้า. </li> <li> เหล่าตั๊ง. <strong>ลูกหลานคนแต้จิ๋ว.</strong> -- กรุงเทพฯ: นิวเซนจูรี่ฯ, 2551 (10), 205 หน้า. ISBN 978-974-04-0863-5. </li> <li> สุภาณี ปิยพสุนทรา. <strong>สำนวนภาษาพื้นบ้านแต้จิ๋ว.</strong> -- กรุงเทพฯ: ทฤษฎี, 2550. 201 หน้า. ISBN 978-974-9796-56-6. </li></ol><div></div>Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-78289149492618976542012-04-10T16:07:00.000+07:002012-09-19T14:14:08.627+07:00ได้เวลากลับบ้าน (这个时节好回家)<p>ไปเจอเพลงกลับบ้านนอกภาษาแต้จิ๋วนานแล้ว คราวนี้ได้เวลาลงมือแกะเสียที อารมณ์เพลงคล้าย Take Me Home, Country Roads แบบจีน ๆ ผสมกับอารมณ์คิดถึงบ้านของคนจากบ้านไปทำงานในเมืองหลวง</p><p>แกะครั้งนี้ ขอเริ่มใช้สัญลักษณ์บอกเสียงเพิ่มเติม ดังนี้</p><ul> <li> <strong>ก๎ง</strong> แทนเสียง ง แบบไม่นาสิก โดยเอาอย่างมาจาก "ยาขอบ" ที่ใช้เสียง ก กับ ง กล้ำกัน เช่น ในคำว่า 牛 จะถอดเสียงได้เป็น ก๎งู๊ </li> <li> <strong>ห๎ว</strong> แทนเสียง ห กับ ว กล้ำกัน (ให้แตกต่างจาก ห นำ ว ที่เป็นเสียงอักษรสูง) เช่น คำว่า 怀/懷 [ไฮว่] ซึ่งพอผันเป็นเสียงเอก ถ้าเขียนเป็น ไหว่ เสียง ห จะหายไป จึงเขียนเป็น ไห๎ว่) </li> <li> <strong>*</strong> ระบุการออกเสียงนาสิกในภาษาแต้จิ๋ว ซึ่งจะทำให้ความหมายต่างกัน เช่น 我 = อั้ว (ไม่นาสิก) แปลว่า ฉัน, ข้าพเจ้า แต่ 碗 = อั้ว* (เสียงออกจมูก) แปลว่า ชาม </li> <li> <strong>#</strong> กำกับเสียงสระเอียแบบที่เป็น "อี-โอ" ควบกัน ไม่ใช่ "อี-อา" เช่น ในคำว่า 恭 ออกเสียงเป็น กี-ยง กล้ำกัน ก็จะเขียนกำกับเสียงเป็น เกียง# เป็นต้น </li> <li> <strong>ยฺ</strong> ใช้แทนตัวสะกดแม่เกยแบบมีเสียงกัก ซึ่งเขียนเป็นภาษาไทยได้ยาก เช่น ในคำว่า 月 ที่แปลว่าพระจันทร์หรือเดือน จะถอดเสียงเป็น "ก๎ง๊วยฺ" (บางท่านเขียนเป็น "เงวะ" ก็นับว่าใกล้เคียงมาก แต่กับสระอื่นอาจมีปัญหา เช่น กับคำว่า 节/節 = โจ่ยฺ) </li></ul><p>เอาล่ะ เข้าเรื่องเสียที เพลงที่ว่านี้ชื่อว่า 这个时节好回家 [แจไก่สี่โจ่ยฺฮอห่วยแก] หรือ ได้เวลากลับบ้าน (It's Time For Coming Home) เพลงนี้มีสองเวอร์ชัน ดูจากเนื้อหาแล้วเพลงหนึ่งน่าจะมาก่อนอีกเพลง เริ่มจากเวอร์ชันแรกก่อน เป็นแบบอารมณ์ซึ้งหน่อย</p><p>(<em>หมายเหตุ:</em> ภาษาที่ใช้ในเพลงค่อนข้างเป็นภาษาหนังสือ หลายคำไม่ใช่ภาษาพูดที่ผมคุ้นเคย ดังนั้น คำแปลจึงอาจคลาดเคลื่อนได้ หากผู้รู้ช่วยชี้แนะก็จะขอบคุณยิ่ง)</p><embed allowscriptaccess="never" src="http://player.youku.com/player.php/sid/XNjA3OTAxMTI=/v.swf" allowfullscreen="true" quality="high" type="application/x-shockwave-flash" align="middle" height="400" width="480"><h3>It's Time For Coming Home (这个时节好回家)</h3><p>当列车很匆忙地驶过<br>當列車很匆忙地駛過<br>ตึงเหลียกเชียหึ่งชงมั้งตีไซ่ก่วย<br>เมื่อรถไฟแล่นผ่านไปอย่างรีบด่วน</p><p>通向远方的小站飘着落花<br>通向遠方的小站飄著落花<br>ทงเหี่ยงเอียงฮวง*ตีเซียวจั๋มเพียวเตียะ#เหลาะฮวย<br>ตรงทางสถานีย่อยรถทางไกลมีดอกไม้ปลิวหล่น</p><p>这个时节好回家<br>這個時節好回家<br>แจไก่สี่โจ่ยฺฮอห่วยแก<br>ฤดูกาลนี้ควรแก่การกลับบ้าน</p><p>买到了车票<br>買到了車票<br>โบยเก่าเลี่ยวเชียเผี่ย#<br>ซื้อได้แล้วตั๋วรถ</p><p>车票中刻印着我的寻觅<br>車票中刻印著我的尋覓<br>เชียเผี่ย#ตงเค็กอิมเตียะ#อั้วตีฉิ่มฉ่วย<br>บนตั๋วรถพิมพ์สิ่งที่ฉันค้นหา</p><p><a name="hook1_1">(~ สร้อย)</a><br>今夜今夜徘徊轨道边<br>今夜今夜徘徊軌道邊<br>กิมแม้ กิมแม้ไผ่ฮ้วยคุยเต่าเบียง<br>คืนนี้ คืนนี้เดินเตร่ริมรางรถไฟ</p><p>对钟楼时间<br>對鐘樓時間<br>ตุ้ยเจ็งเล้าสี่กัง<br>เฝ้าดูเวลาบนหอนาฬิกา</p><p>向着昔日挥别<br>向著昔日揮别<br>เฮี่ยงเตียะ#จ๋ายิกฮุยเปี๊ยก<br>หันไปพบการลาจากเมื่อวันก่อน</p><p>今夜无语<br>今夜無語<br>กิมแม้บ่อก๎งื้อ<br>คืนนี้ไม่มีคำพูดใด ๆ</p><p>是因为无人听懂此时<br>是因為無人聽懂此時<br>สี่อิงอุ๊ยบ่อหนั่งเทีย*ต้งฉือซี้<br>ก็เพราะตอนนี้ไม่มีใครคอยฟังหรือเอาใจใส่</p><p>这怀念的心情<br>這懷念的心情<br>แจไห๎ว่เหนียม(ตี)ซิมเช้ง<br>ดวงใจถวิลหาดวงนี้</p><p>我终年漂流在外<br>我終年漂流在外<br>อั้วจงนี้เพียวลิ่วต่อก๎งั่ว<br>ฉันระหกระเหินทำงานมาทั้งปี (漂流=漂泊[เพียวเป๊าะ])</p><p>谁知道将来何方<br>誰知道將來何方<br>ซุ้ยไจเต๋าเจียงไล้ห่อฮวง*<br>ใครจะรู้ว่าวันข้างหน้าจะไปอยู่ทางไหน</p><p>我依然相信<br>我依然相信<br>อั้วอีเยี้ยงเซียงสิ่ง<br>ฉันยังคงเชื่อ</p><p>对明天不改信心<br>對明天不改信心<br>ตุ้ยเหม่งเทียงปุ๊กโกยซิ่งซิม<br>ถึงพรุ่งนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนใจ</p><p>向着家乡归来<br>向著家鄉歸來<br>เหี่ยงเตียะ#แกเฮีย#กุยไล้<br>หันไปพบบ้านเกิดหวนกลับมา</p><p>乡亲在心内铭记<br>鄉親在心内銘記<br>เฮีย#ชิงต่อซิมไหลเหม่งกี่<br>ญาติที่บ้านเกิดจารึกจดจำไว้ในใจ</p><p>向着家乡归来<br>向著家鄉歸來<br>เหี่ยงเตียะ#แกเฮีย#กุยไล้<br>หันไปพบบ้านเกิดหวนกลับมา</p><p>用亲情问路<br>用親情問路<br>เอ่งชิงเช้งหมุ่งโหล่ว<br>ถามทางด้วยใจฉันญาติ</p><p>乡音在心内铭记<br>鄉音在心内銘記<br>เฮีย#อิมต่อซิมไหลเหม่งกี่<br>เสียงของบ้านเกิดจารึกจดจำไว้ในใจ</p><p>(ดนตรี)</p><p>带着那许多年的变化<br>帶著那許多年的變化<br>ตั่วเตียะ#นาฮือตอนี้ตีเปี้ยงห่วย<br>พกพาเอาความผันแปรหลายต่อหลายปี</p><p>跟着思归的孤雁<br>跟著思歸的孤雁<br>กึงเตียะ#สือกุยตีโกวหงัง<br>ต่อด้วยคะนึงถึงห่านป่าโดดเดี่ยวที่หวนคืนถิ่น</p><p>心也在飞<br>心也在飛<br>ซิมเอี่ยต่อปวย<br>ใจก็พลอยโบยบิน</p><p>这个时节好回家<br>這個時節好回家<br>แจไก่สี่โจ่ยฺฮอห่วยแก<br>ฤดูกาลนี้ควรแก่การกลับบ้าน</p><p>找到了方向<br>找到了方向<br>เตาเก่าเลี่ยวฮวง*เหี่ยง<br>หาพบแล้วทิศทาง</p><p>我而今已拥有安慰<br>我而今已擁有安慰<br>อั้วหยื่อกิมอี*เอี่ยง#อู่อัว*อ่วย<br>ตอนนี้ฉันได้รับการโอบกอดแล้วพร้อมคำปลอบโยน</p><p>(สร้อย <a href="#hook1_1">~</a>)</p><p>家乡依然会为我敞开<br>家鄉依然會為我敞開<br>แกเฮีย#อีเยี้ยงห่วยอุ่ยอั๋วเชี่ยงไค<br>บ้านเกิดยังคงสมาคมกันเพราะฉันเปิดกว้าง</p><p>会为我敞开 敞开<br>會為我敞開 敞開<br>ห่วยอุ่ยอั๋วเชี่ยงไค เชี่ยงไค<br>สมาคมกันเพราะฉันเปิดกว้าง เปิดกว้าง</p><p>ที่มา:<a href="http://v.youku.com/v_show/id_XNjA3OTAxMTI=.html">YouKu</a></p><p>เนื้อ:<a href="http://www.cz44.com/culture/chaoyugequ/2008-02-21/12634.html">cz44.com</a></p><p>เวอร์ชันที่สอง เป็นแนววัยรุ่น มีการเรียบเรียงเนื้อและทำดนตรีใหม่ให้ดูกระฉับกระเฉงขึ้น เติมอารมณ์ลิงโลด มีการแอบพาดพิงถึงเวอร์ชันแรกเล็กน้อยว่าใครนะมาเดินเตร่ร้องเพลงระลึกความหลัง หรือจะฟังเป็นลูกเล่นการเล่าเรื่องถึงตัวเองก็ได้</p><iframe src="http://www.youtube.com/embed/vCw7Sl9H72g" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" width="420"></iframe><h3>It's Time For Coming Home (这个时节好回家)</h3><p>当列车很匆忙的驶过<br>當列車很匆忙的駛過<br>ตึงเหลียกเชียหึ่งชงมั้งตีไซ่ก่วย<br>เมื่อรถไฟแล่นผ่านไปอย่างรีบด่วน</p><p>通向远方的小站飘着落花<br>通向遠方的小站飄著落花<br>ทงเหี่ยงเอียงฮวง*ตีเซียวจั๋มเพียวเตียะ#เหลาะฮวย<br>ตรงทางสถานีย่อยรถทางไกลมีดอกไม้ปลิวหล่น</p><p>这个时节好回家<br>這個時節好回家<br>แจไก่สี่โจ่ยฺฮอห่วยแก<br>ฤดูกาลนี้ควรแก่การกลับบ้าน</p><p>买到了车票<br>買到了車票<br>โบยเก่าเลี่ยวเชียเผี่ย#<br>ซื้อได้แล้วตั๋วรถ</p><p>车票中刻印着我的寻觅<br>車票中刻印著我的尋覓<br>เชียเผี่ย#ตงเค็กอิมเตียะ#อั้วตีฉิ่มฉ่วย<br>บนตั๋วรถพิมพ์สิ่งที่ฉันค้นหา</p><p>--</p><p>带着那许多年的变化<br>帶著那許多年的變化<br>ตั่วเตียะ#นาฮือตอนี้ตีเปี้ยงห่วย<br>พกพาเอาความผันแปรหลายต่อหลายปี</p><p>跟着思归的孤雁<br>跟著思歸的孤雁<br>กึงเตียะ#สือกุยตีโกวหงัง<br>ต่อด้วยคะนึงถึงห่านป่าโดดเดี่ยวที่หวนคืนถิ่น</p><p>心也在飞<br>心也在飛<br>ซิมเอี่ยต่อปวย<br>ใจก็พลอยโบยบิน</p><p>这个时节好回家<br>這個時節好回家<br>แจไก่สี่โจ่ยฺฮอห่วยแก<br>ฤดูกาลนี้ควรแก่การกลับบ้าน</p><p>找到了方向<br>找到了方向<br>เตาเก่าเลี่ยวฮวง*เหี่ยง<br>หาพบแล้วทิศทาง</p><p>我而今已拥有安慰<br>我而今已擁有安慰<br>อั้วหยื่อกิมอี*เอี่ยง#อู่อัว*อ่วย<br>ตอนนี้ฉันได้รับการโอบกอดแล้วพร้อมคำปลอบโยน</p><p>(เปลี่ยนจังหวะ)</p><p>(<a name="repeat2_1">@</a>)<br>嗨看看<br>嗨看看<br>ไฮ โท่ย*โท่ย*<br>ไฮ้ ดูดู</p><p>今夜是谁海岸边<br>今夜是誰海岸邊<br>กิมแม้สี่ซุ้ยไฮไหง่เบียง<br>คืนนี้ใครอยู่ที่ริมฝั่งทะเล</p><p>对钟楼时间<br>對鐘樓時間<br>ตุ้ยเจ็งเล้าสี่กัง<br>เฝ้าดูเวลาบนหอนาฬิกา</p><p>向着昔日挥别<br>向著昔日揮别<br>เฮี่ยงเตียะ#จ๋ายิกฮุยเปี๊ยก<br>หันไปพบการลาจากเมื่อวันก่อน</p><p>听听<br>聽聽<br>เทีย*เทีย*<br>ฟังฟัง</p><p>今夜谁徘徊远方<br>今夜誰徘徊遠方<br>กิมแม้ซุ้ยไผ่ฮ้วยเอียงฮวง*<br>คืนนี้ใครเดินเตร่(สถานีรถ)ทางไกล</p><p>为乡情重唱起往事<br>為鄉情重唱起往事<br>อุ่ยเฮีย#เช้งเต่งเฉียงคีอวงสื่อ<br>ด้วยอารมณ์คิดถึงบ้านได้ร้องเพลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงความหลัง</p><p><a name="hook2_1">~</a><br>我终年漂流在外<br>我終年漂流在外<br>อั้วจงนี้เพียวลิ่วต่อก๎งั่ว<br>ฉันระหกระเหินทำงานมาทั้งปี</p><p>谁知道将来何方<br>誰知道將來何方<br>ซุ้ยไจเต๋าเจียงไล้ห่อฮวง*<br>ใครจะรู้ว่าวันข้างหน้าจะไปอยู่ทางไหน</p><p>我依然相信<br>我依然相信<br>อั้วอีเยี้ยงเซียงสิ่ง<br>ฉันยังคงเชื่อ</p><p>不改明天信心<br>不改明天信心<br>ปุ๊กโกยเหม่งทีซิ่งซิม<br>ถึงพรุ่งนี้ก็ไม่เปลี่ยนใจ</p><p>(ซ้ำ <a href="#hook2_1">~</a>)</p><p><a name="hook2_2">~~</a><br>嗨!向着家乡归来<br>嗨!向著家鄉歸來<br>ไฮ้! เหี่ยงเตียะ#แกเฮีย#กุยไล้<br>ไฮ้! หันไปพบบ้านเกิดหวนกลับมา</p><p>(ซ้ำ <a href="#hook2_2">~~</a>)</p><p>(ซ้ำตั้งแต่ <a href="#repeat2_1">@</a>)</p><p>ที่มา:<a href="http://www.youtube.com/watch?v=vCw7Sl9H72g">YouTube</a></p><div></div>Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-692210153763089812011-11-22T18:55:00.000+07:002012-09-19T14:14:08.625+07:00แต้จิ๋ว สำเนียง พื้นที่ <p>หลังจากที่ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับแต้จิ๋วมาพอประมาณ ได้ทราบว่าภาษาแต้จิ๋วเองยังแบ่งเป็นหลายสำเนียง นอกจากสำเนียงซัวเถา (汕頭) ซึ่งถือเป็นสำเนียงมาตรฐานแล้ว ยังมีกลุ่มสำเนียง เตี่ยอัง (潮安) เถ่งไฮ่ (澄海) กลุ่มหนึ่ง สำเนียงเตี่ยเอี๊ย (潮陽) กลุ่มหนึ่ง แล้วก็ยังมี กิ๊กเอี๊ย (揭陽) โผวเล้ง (普寧) ฯลฯ อีกมากมาย ซึ่งพอมีหลักสังเกตได้จากการออกเสียงบางคำ เช่น:<br></p><ul><li> การสังเกตสำเนียงเตี่ยอัง-เถ่งไฮ่:<br><ul><li> กลุ่มคำ 門 (ประตู), 飯 (ข้าว) ซัวเถาจะออกเป็น "มึ้ง", "ปึ่ง" ตามลำดับ ส่วนเตี่ยอัง-เถ่งไฮ่จะออกเป็น "มุ้ง", "ปุ่ง" ตามลำดับ<br></li><li> กลุ่มคำ 千 (หนึ่งพัน), 細 (เล็ก), 閒 (ว่าง) ซัวเถาจะออกเป็น "โชย", "โส่ย", "โอ๊ย" ตามลำดับ ส่วนเตี่ยอัง-เถ่งไฮ่จะออกเป็น "เช็ย", "เส่ย", "เอ๊ย" ตามลำดับ<br></li><li> กลุ่มคำ 着 (ถูกต้อง, โดน), 藥 (ยา) ซัวเถาและแต้จิ๋วถิ่นอื่นออกเป็น "ติ๊-เอ๊าะ", "อิ๊-เยาะ" กล้ำเสียงสระ ตามลำดับ ส่วนเตี่ยอัง-เถ่งไฮ่จะออกเป็น "เตี๊ยะ" (ติ๊-อ๊ะ), "เอี๊ยะ" (อิ๊-ยะ) ตามลำดับ<br></li></ul></li><li> การสังเกตสำเนียงเตี่ยอัง:<br><ul><li> กลุ่มคำ 咸 (เค็ม), 甜 (หวาน) สำเนียงแต้จิ๋วทั่วไปจะออกเป็น "เกี๊ยม", "เตี๊ยม" ตามลำดับ แต่สำเนียงเตี่ยอังจะออกเป็น "เกี๊ยง", "เตี๊ยง" ตามลำดับ<br></li></ul></li><li> การสังเกตสำเนียงโผวเล้ง-เตี่ยเอี๊ย:<br><ul><li> กลุ่มคำ 千 (หนึ่งพัน), 細 (เล็ก), 閒 (ว่าง) ซัวเถาจะออกเป็น "โชย", "โส่ย", "โอ๊ย" ตามลำดับ ส่วนโผวเล้ง-เตี่ยเอี๊ยจะออกเป็น "ไช", "ไส่", "ไอ๊" ตามลำดับ </li></ul></li><li> การสังเกตสำเนียงเตี่ยเอี๊ย:<br><ul><li> กลุ่มคำ 魚 (ปลา), 豬 (หมู), 去 (ไป) สำเนียงแต้จิ๋วทั่วไปจะออกเป็นสระอือ คือ "ฮื้อ", "ตือ", "ขื่อ" ตามลำดับ แต่สำเนียงเตี่ยเอี๊ยจะออกเป็น "ฮู้", "ตู", "ขู่" ตามลำดับ<br></li></ul></li></ul><p>จากข้อมูลเหล่านี้ ทำให้จำแนกแยกแยะสำเนียงพูดของครอบครัวผมได้ว่าเป็นสำเนียงเถ่งไฮ่ แต่ก็ทำให้สงสัยต่อไป ว่าแต่ละเมืองที่กล่าวถึงมานี้ อยู่ตรงไหนกันบ้าง และเมืองเถ่งไฮ่ที่เป็นบ้านเกิดของบรรพบุรุษผมอยู่ตรงไหนในแผนที่</p><p>สำหรับครอบครัวแม่ผม ไม่ต้องสืบยาก ครอบครัวท่านมีการติดต่อกับญาติที่เมืองจีน ทำให้รู้ว่าบ้านเกิดของตระกูลฝ่ายแม่มาจากเมืองอึ่งกัง (黃岡鎮) อำเภอเหยี่ยวเพ้ง (饒平縣) แล้วมันอยู่ตรงไหนในแผนที่ล่ะ?</p><p>ก่อนอื่น ต้องพูดถึงบริเวณที่เรียกว่า <a href="http://en.wikipedia.org/wiki/Chaoshan">เตี่ยซัว</a> (潮汕/Cháoshàn) ที่พูดภาษาแต้จิ๋วกันนั้น ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัดของมณฑลกวางตุ้งของจีน คือ 潮州 [เตี่ยจิว/เฉาโจว], 汕頭 [ซัวเท้า/ช่านโถว], 揭陽 [กิ๊กเอี๊ย/จีหยาง] และ 汕尾 [ซัวบ้วย/ช่านเหว่ย]:</p><p><img src="http://linux.thai.net/%7Ethep/shots/Chaoshan/Guangdong_Chaozhou_map.png"></p><p>และจังหวัดทั้งสี่ แบ่งเป็นอำเภอต่าง ๆ ดังนี้:</p><p><img src="http://linux.thai.net/%7Ethep/shots/Chaoshan/Chaoshan_districts.png"></p><ul><li> <a href="http://en.wikipedia.org/wiki/Chaozhou">เตี่ยจิว</a> (潮州/Cháozhōu):<br><ul><li> อำเภอเซียงเกี๊ย (湘橋區/Xiāngqiáo Qū)<br></li><li> เขตเตี่ยอัง (潮安縣/Cháo'ān Xiàn)<br></li><li> เขตเหยี่ยวเพ้ง (饒平縣/Ràopíng Xiàn)<br></li></ul></li><li> <a href="http://en.wikipedia.org/wiki/Shantou">ซัวเถา</a> (汕頭/Shàntóu):<br><ul><li> อำเภอกิมเพ้ง (金平區/Jīnpíng Qū)<br></li><li> อำเภอเล่งโอ๊ว (龍湖區/Lónghú Qū)<br></li><li> อำเภอเห่ากัง (濠江區/Háojiāng Qū)<br></li><li> อำเภอเตี่ยเอี๊ย (潮陽區/Cháoyáng Qū)<br></li><li> อำเภอเตี่ยน่ำ (潮南區/Cháonán Qū)<br></li><li> อำเภอเถ่งไฮ่ (澄海區/Chénghǎi Qū)<br></li><li> เขตน่ำอ้อ (南澳縣/Nán'ào Xiàn)<br></li></ul></li><li> <a href="http://en.wikipedia.org/wiki/Jieyang">กิ๊กเอี๊ย</a> (揭陽/Jiēyáng):<br><ul><li> อำเภอเอี่ยงเซี้ย (榕城區/Róngchéng Qū)<br></li><li> เมืองโผวเล้ง (普寧市/Pǔníng Shì)<br></li><li> เขตกิ๊กตัง (揭東縣/Jiēdōng Xiàn)<br></li><li> เขตกิ๊กไซ (揭西縣/Jiēxī Xiàn)<br></li><li> เขตหุ่ยไล้ (惠來縣/Huìlái Xiàn)<br></li></ul></li><li> <a href="http://en.wikipedia.org/wiki/Shanwei">ซัวบ้วย</a> (汕尾/Shànwěi):<br><ul><li> ตัวเมือง (城區/Chéng Qū)<br></li><li> เมืองหลกฮง (陸豐市/Lùfēng Shì)<br></li><li> เขตไห่ฮง (海豐縣/Hǎifēng Xiàn)<br></li><li> เขตหลกฮ้อ (陸河縣/Lùhé Xiàn)<br></li></ul><br></li></ul> <div></div>Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-63339617186685173102011-07-09T18:37:00.000+07:002012-09-19T14:14:08.623+07:00สิ่งที่เรียกกันว่า "สถานบันเทิง" ๏ คืนค่ำควรนิทรา<br>จะหลับตาลงฉันใด<br>sync bar เวรตะไล<br>อาละวาดยันรุ่งเช้า ฯ<br><br>๏ ตึงตึงเสียงย่ำกลอง<br>เสียงกรีดร้องผีค้างคาว<br>ราตรีเนิ่นนานยาว<br>ข่มตาหลับมิอาจลง ฯ<br><br>๏ รถราเรียงระดะ<br>เสียงเอะอะรถรับส่ง<br>คนเมาอาเจียนลง<br>ส่งกลิ่นคลุ้งเหม็นเขียวคาว ฯ<br><br>๏ โหวกเหวกคุยเซ็งแซ่<br>บ้างล้อแม่ด่าก้าวร้าว<br>ทุบตีขว้างปาข้าว-<br>ของกระจายเจ็บระงม ฯ<br><br>๏ ควรฤๅเราเรียกขาน<br>นามสถานอันเหมาะสม<br>แหล่งบันเทิงเริงรมย์<br>ฤๅนรกโปรดตรึกตรอง ฯ<br><br>๚๛<br><br><span style="font-style: italic;">อุทิศแด่ sync bar เพื่อนบ้านจำยอม เนื่องในโอกาส "ปรับปรุง" ใหม่ จัญไรกว่าเดิม</span><br><br> <div></div>Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-88917736800424178052010-11-05T21:37:00.000+07:002012-09-19T14:14:08.633+07:00上海灘 – เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ แบบแต้จิ๋ว <p>เหตุเกิดจากไปงานเลี้ยงสมาคมของตระกูล ในงานจะมีผู้ใหญ่มากล่าวอวยพรเป็นภาษาแต้จิ๋ว แต่พอถึงช่วงร้องเพลง ก็มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งร้องเพลง <em>เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้</em> ซึ่งก็คงไม่แปลกอะไร มันก็เหมือนกับเพลงตามงานเลี้ยงทั่วไป แต่ผมเกิดอุตริคิดขึ้นมาว่าทำไมจึงไม่มีเพลงภาษาแต้จิ๋วเหมือนช่วงที่กล่าวคำอวยพร แต่กลับเป็นเพลงภาษากวางตุ้งนี้แทน พอกลับมาก็เลยตั้งใจว่าจะลองถอดสำเนียงเพลงนี้ออกเป็นแต้จิ๋วดู พร้อมกับหาความหมายของเพลงไปในตัว</p><p>เพลงต้นฉบับเป็นภาษากวางตุ้ง:</p><object height="385" width="480"><param name="allowScriptAccess" value="never"> <param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/bh74VOHRjRE"> <param name="allowFullScreen" value="true"> <embed allowscriptaccess="never" src="http://www.youtube.com/v/bh74VOHRjRE" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" ="" height="385" width="480"></object><p>ชื่อเพลงในภาษาจีนคือ <strong>上海灘</strong> แต้จิ๋วอ่านว่า "เซี่ยง-ไห่-ทัว" แปลว่า "หาดเซี่ยงไฮ้" ในเพลงที่จะถอดต่อไปนี้ จะเริ่มจากตัวเขียนจีน (เป็นตัวเต็มตามที่ใช้ในฮ่องกง), คำอ่านแต้จิ๋ว (จากพจนานุกรม), คำอ่านกวางตุ้ง (ถอดจากเสียงเพลง), คำแปลไทย:</p><p>浪奔 浪流<br>หลัง-พุง หลัง-ลิ้ว<br>หลอง-ปัน หลอง-เหล่า<br>คลื่นซัด คลื่นไหล</p><p>萬里滔滔江水永不休<br>บ่วง-ลี่-เทา-เทา-กัง-จุ้ย-เอียง-ปุก-ฮิว*<br>หม่าน-เหลย-โทว-โท้ว-กง-สุย-หวิ่ง-ปั๊ด-เย่า<br>หมื่นลี้รี่ไหล น้ำในแม่น้ำไม่เคยหยุดพัก</p><p>淘盡了世間事<br>เถ่า-จิ๋ง-เลี่ยว ซี่-กัง-สื่อ<br>โถ่ว-จน-ลิ่ว ไซ-กาน-สี่<br>ล้างหมดสิ้น เรื่องในโลก</p><p>混作滔滔一片潮流<br>หุ่ง-จัก-เทา-เทา-เจ็ก-เผี่ยง-เตี่ย-ลิ้ว<br>หวั่น-จอก-โทว-โท้ว-ยัด-พิน-ฉิว-เหล่า<br>รวมเป็นผืนน้ำใหญ่ผืนเดียว</p><p>是喜 是愁<br>สี่-ฮี่ สี่-โช้ว<br>สี่-เห สี่-เซา<br>คือสุข คือเศร้า</p><p>浪裡分不清歡笑悲憂<br>หลัง-ลี่-ฮุง-ปุ้ก-เช็ง-ฮัว*-เฉี่ย-ปุย-อิว<br>หล่อง-เหลย-ฟัน-ปั๊ด-ชิง-ฟุน-สิ่ว-เป๊-เย่า<br>คลื่นในใจไม่สงบ ทั้งหัวเราะปนร้องไห้</p><p>成功 失敗<br>เส่ง-กง ซิก-ไป่<br>เส่ง-กง ซ้าด-ไป่<br>สำเร็จ ล้มเหลว</p><p>浪裡看不出有未有<br>หลัง-ลี่-โทย*-ปุ้ก-ฉุก-อู๋-บ่วย-อู๋<br>หล่อง-เหลย-ฮอน-ปั๊ด-เฉิด-เหยา-เม่-เหยา<br>คลื่นในใจดูไม่ออกว่ามีหรือไม่</p><p>愛你 恨你 問君知否<br>ไอ้-ลื่อ หึง-ลื่อ หมึ่ง-กุง-ไจ-โฮ่ว*<br>หฺงอย-เหฺน ฮัน-เหฺน มาน-กวาน-จี-เฝา<br>รักหรือเกลียดเธอ ถามฟ้ารู้ไหม</p><p>似大江一發不收<br>สือ-ไต้-กัง-เจ็ก-ฮวก-ปุ้ก-ซิว<br>ชี-ไต่-กง-ยัด-ฝาด-ป๊าด-เซา<br>เหมือนแม่น้ำใหญ่ไหลไปไม่หวน</p><p>轉千彎 轉千灘<br>จ๋วง-โชย-อวง จ๋วง-โชย-ทัว*<br>จืน-ชีน-วาน จืน-ชีน-ทาน<br>เลี้ยวไปพันโค้ง เลี้ยวไปพันแก่ง</p><p>亦未平復此中爭鬥<br>เอี่ย-บ่วย-เพ้ง-ฮก-ชื่อ-ตง-แจ*-โต่ว<br>เย็ก-เม่-เพ้ง-ฝก-ชี่-จง-จำ-เตา<br>ก็ไม่สงบ กลับมาต่อสู้กันอีก</p><p>又有喜 又有愁<br>อิ่ว-อู่-ฮี่ อิ่ว-อู่-โช้ว<br>เหย่า-เหฺยา-เห เหย่า-เหฺยา-เซา<br>ยังมีสุข ยังมีเศร้า</p><p>就算分不清歡笑悲憂<br>จิ่ว-ซึง-ฮุง-ปุ้ก-เช็ง-ฮัว*-เฉี่ย-ปุย-อิว<br>เจ่า-ซึน-ฟัน-ป๊าด-ชิง-ฟุน-สิ่ว-เป๊-เย่า<br>จึงยังครุ่นคิดไม่สงบ ทั้งหัวเราะปนร้องไห้</p><p>仍願翻 百千浪<br>เหย่ง-หงวง-ฮวง แปะ-โชย-ลิ้ว<br>เหย่ง-ยืน-ฟาง ป๊าด-ชีน-หล่อง<br>ยังยอมพลิกผัน คลื่นร้อยพัน</p><p>在我心中起伏夠<br>ต่อ-อัว-ซิม-ตง-คี่-หก-โก่ว<br>จ่อย-หงอ-ซำ-จง-เห-ฟก-เกา<br>ในใจฉันผกผันมามากพอแล้ว</p><p>ที่มา MV: <a href="http://www.youtube.com/watch?v=bh74VOHRjRE">YouTube</a>, <a href="http://www.tudou.com/programs/view/pPt7ajB_XfU/">todou</a>, <a href="http://v.youku.com/v_show/id_XNjA4MDU2MTI">youku</a></p><p>ที่มาเนื้อเพลง: <a href="http://mid.lt263.com/ftzw/lyrics/lyhk/hk8/lyrics8_6.htm">lt263.com</a></p> <div></div>Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com3tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-44534481698941596692010-01-20T21:55:00.000+07:002012-09-19T14:14:08.617+07:00天頂一粒星 – บนฟ้ามีดาวหนึ่งดวง <blockquote>แม่จ๋าช่วยหนูด้วย หนูกินกล้วยอยู่บนหลังคา ตกลงมา ทายาหม่อง ยี่สิบกล่อง ก็ไม่หาย ไปหาปู่ ปู่กินเหล้า ไปหายาย ยายตำหมาก กระเด็นใส่ปาก อร่อยจริงเอย</blockquote><p>เพลงของเด็ก ร้องกันสนุก ๆ ไม่เอาความ ใช้คำง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน ถ้าเป็นเพลงภาษาอื่น บางทีก็ใช้หัดภาษานั้น ๆ ได้เหมือนกัน</p><p>ไปเจอเพลง <strong>ทีเต้งเจ็กเหลียบแช (天頂一粒星 – บนฟ้ามีดาวหนึ่งดวง)</strong> ของคนแต้จิ๋วเข้า อารมณ์คล้าย ๆ กัน</p><object width="425" height="344"><param name="allowScriptAccess" value="never"> <param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/JUxFbuiS4Og"> <param name="allowFullScreen" value="true"> <embed allowscriptaccess="never" data="https://www.youtube.com/v/JUxFbuiS4Og" src="http://www.youtube.com/v/JUxFbuiS4Og" ="" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></object> <table border="0"><tbody><tr><th>ตัวเขียนย่อ</th><th>ตัวเขียนเต็ม</th></tr><tr><td>天顶一粒星<br>地下开书斋<br>书斋门未曾开<br>阿奴哭欲食油堆<br>油堆未曾熟<br>阿奴哭欲食猪肉<br>猪肉未曾割<br>阿奴哭欲食番葛<br>番葛未曾柳<br>阿奴哭欲食阿老爹二杯酒<br>酒未激<br>欲食粟<br>粟未矮<br>欲食鸡<br>鸡未抬<br>欲食梨<br>梨未摘<br>阿奴哭了白白歇<br>白白歇。</td><td>天頂一粒星<br>地下開書齋<br>書齋門未曾開<br>阿奴哭欲食油堆<br>油堆未曾熟<br>阿奴哭欲食豬肉<br>豬肉未曾割<br>阿奴哭欲食番葛<br>番葛未曾柳<br>阿奴哭欲食阿老爹二杯酒<br>酒未激<br>欲食粟<br>粟未矮<br>欲食雞<br>雞未抬<br>欲食梨<br>梨未摘<br>阿奴哭了白白歇<br>白白歇。</td></tr><tr><th>คำอ่านแต้จิ๋ว</th><th>คำแปล</th></tr><tr><td>ทีเต้งเจ็กเหลียบแช<br>ตี่แอ๋คุยจือแจ<br>จือแจมุ้งบ่วยเจ่งคุย<br>อาโน้วเคาไอ้เจียะอิ่วตุย (1)<br>อิ่วตุยบ่วยเจ็งเซ็ก<br>อาโน้วเคาไอ้เจียะตือเน็ก<br>ตือเน็กบ่วยเจ่งกัวะ<br>อาโน้วเคาไอ้เจียะฮวงกัวะ<br>ฮวงกัวะบ่วยเจ็งลิ่ว<br>อาโน้วเคาไอ้เจียะอาเหล่าเตียหน่อปวยจิ้ว<br>จิ้วบ่วยเก็ก<br>ไอ้เจียะเฉ็ก<br>เฉ็กบ่วยเอย<br>ไอ้เจียะเกย<br>เกยบ่วยไท้<br>ไอ้เจียะไล้<br>ไล้บ่วยเตียะ<br>อาโน้วเค่าเลี่ยวแปะแปะเหียะ<br>แปะแปะเหียะ</td><td>บนฟ้ามีดาวหนึ่งดวง<br>พื้นดินข้างล่างเปิดโรงเรียน<br>ประตูโรงเรียนยังไม่เปิด<br>เด็กน้อยร้องอยากกินขนมไข่หงส์<br>ขนมไข่หงส์ยังไม่สุก<br>เด็กน้อยร้องอยากกินเนื้อหมู<br>เนื้อหมูยังไม่แล่<br>เด็กน้อยร้องอยากกินมันเทศ<br>มันเทศยังไม่ได้ที่ (2)<br>เด็กน้อยร้องอยากกินเหล้าสองจอกของท่านปู่<br>เหล้ายังไม่อุ่น (3)<br>อยากกินข้าวฟ่าง<br>ข้าวฟ่างยังไม่สี<br>อยากกินไก่<br>ไก่ยังไม่หาม<br>อยากกินสาลี่<br>สาลี่ยังไม่ปลิด<br>เด็กน้อยร้องไห้ไปร้อยร้อยจบ (4)<br>ร้อยร้อยจบ</td></tr></tbody></table><p>(1) 堆 อ่านตามตัวอักษรว่า “ตุง” แปลว่า กอง แต่ในเพลงร้องว่า “ตุย” อาจจะเพื่อให้สัมผัสกับ “คุย” (開) และศัพท์ 油堆 นี้ เปิดพจนานุกรมไม่พบ แต่คาดว่าจะเป็นชื่อขนมไข่หงส์ ตามที่ได้ <a href="http://images.google.com/images?q=%E6%B2%B9%E5%A0%86">ค้น Google มา</a> โดยมี <a href="http://youzinet.com/bbs/viewthread.php?tid=109309">เว็บที่ให้ข้อมูลใกล้เคียง</a> (<a href="http://lzly.peoplexz.com/4110/4121/20080827150133.htm">อีกเว็บหนึ่ง</a>) หากไม่ถูกต้อง ผู้รู้กรุณาชี้แนะด้วย</p><p>(2) <a href="http://en.wiktionary.org/wiki/%E6%9F%B3">柳</a> อ่านว่า "ลิ่ว" แปลว่า ต้นหางกระรอก หรือต้นหลิว และอีกความหมายหนึ่งคือ pleasure ในที่นี้พยายามแปลให้เข้ากับเนื้อความว่า “ได้ที่” ซึ่งอาจจะผิด ผู้รู้โปรดชี้แนะ</p><p>(3) <a href="http://en.wiktionary.org/wiki/%E6%BF%80">激</a> อ่านว่า "เก็ก" แปลว่า กระเทือน, ยั่วยุ, แน่น, ดุเดือด ถ้าเป็น 激心 ก็คือ "เก็กซิม" ที่แปลว่ากลุ้มใจนั่นเอง ถ้า 激酒 (เก็กจิ้ว) ก็คือยั่วยุให้กินเหล้า ในที่นี้ ก็พยายามแปล 酒未激 ให้เข้าความเช่นกัน ว่า เหล้ายังไม่อุ่น ซึ่งอาจผิดก็ได้</p><p>(4) เนื้อเพลงที่พบในอินเทอร์เน็ตทั้งหมดใช้ว่า 白白歇 โดย 白 อ่านว่า “แปะ” แปลว่า ขาว หรือ ว่างเปล่า ซึ่งเป็นคนละตัวกับ “แปะ” อีกตัว (百) ที่แปลว่า “ร้อย” ส่วนคำว่า “เหียะ” (歇) แปลว่า หยุด หรือ ครั้ง ถ้าพูดว่า “แปะเหียะ” จึงนึกถึงความหมายว่า “ร้อยครั้ง” โดยธรรมชาติ แต่ทำไมเขาถึงเขียนด้วยตัว “ขาว” กันหมดก็ยังฉงนอยู่ หรือคำว่า “ขาว” อาจจะมีความหมายพิเศษในบริบทนี้ก็ไม่ทราบได้</p><p>ที่มา MV: <a href="http://www.youtube.com/watch?v=JUxFbuiS4Og">YouTube</a></p> <div></div>Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-48679849425016334422010-01-06T15:51:00.000+07:002012-09-19T14:14:08.619+07:00เพลงขับไม้บัณเฑาะว์ <p>เคยเขียนไว้เมื่อตอนที่ <a href="http://thep.blogspot.com/2004/09/blog-post_30.html">blog เกี่ยวกับเพลงระบำมยุราภิรมย์</a> ว่ามีเพลงบรรเลงช่วงที่บรรยายถึงพระมหากษัตริย์เพลงหนึ่ง ฟังแล้วสง่างามมาก เป็นเพลงที่เคยใช้ประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง “ลูกทาส” เคยใช้ในเรื่อง “สี่แผ่นดิน” ฉบับ modernnine เป็นทำนองเพลงธรรมศาสตร์เพลงหนึ่งด้วย แต่ไม่รู้ว่ามาจากเพลงไทยเดิมชื่ออะไร</p><p>ตอนนี้ทราบแล้วครับ จากข่าว <a href="http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=359&contentID=29441">'ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์' ทรง 'กู่เจิง'</a> ในงาน “สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน” ครั้งที่ 4 เพลงที่ 2 ที่ทรงบรรเลง ชื่อ “เพลงเผ่าไทย” นั่นเอง โดยในข่าวให้ข้อมูลว่ามาจากเพลงไทยเดิมชื่อ “ขับไม้บัณเฑาะว์”</p><p>ค้นไปค้นมา พบ <a href="http://x.thaikids.com/phpBB2/viewtopic.php?t=4319&sid=644c138b804c6ce9ea056e4f166c488b">กระทู้ thaikids.com</a> มีผู้ให้ข้อมูลเยอะมาก สืบค้นเพิ่มเติมต่อไปก็ได้ความดังนี้</p> <p>เพลงขับไม้บัณเฑาะว์นี้ เป็นทำนองเพลงเก่าสมัยอยุธยา มีอัตราจังหวะสองชั้น ใช้บรรเลงในวงขับไม้ อยู่ในตับเพลงเรื่องกระแตไต่ไม้ ซึ่งประกอบด้วยเพลงกระแตไต่ไม้ ขับนก และขับไม้บัณเฑาะว์ [<a href="http://www.tlcthai.com/club/view_topic.php?club=MusicThai&club_id=1600&table_id=1&cate_id=1020&post_id=6628">tlcthai.com</a>]</p><p><a href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0_%28%E0%B8%A8%E0%B8%A3_%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%87%29">หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)</a> ได้แต่งขยายจากเพลงตับกระแตไต่ไม้สองชั้น เป็นสามชั้น กลายเป็นเพลงโหมโรงกระแตไต่ไม้ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ [<a href="http://www.anurakthai.com/encyclopaedia/index.asp?rid=2&pageno=88">anurakthai.com</a>, <a href="http://www.websuntaraporn.com/suntaraporn/lyric/postlyric.asp?GID=705">websuntaraporn.com</a>]</p><p><a href="http://sarnthai.com/music2.htm">พระยาภูมีเสวิน (จิตร จิตตเสวี)</a> แต่งเป็นเพลงเดี่ยวสำหรับซอสามสาย [<a href="http://www.tlcthai.com/club/view_topic.php?club=MusicThai&club_id=1600&table_id=1&cate_id=1020&post_id=6628">tlcthai.com</a>]</p><p><a href="http://www.oknation.net/blog/tcmc/2007/05/15/entry-1/page1">ครูมนตรี ตราโมท</a> แต่งขยายจากเพลงขับไม้บัณเฑาะว์สองชั้นเป็นเพลงโหมโรง โดยแต่งเป็นทางกรอให้วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ของกรมศิลปากรนำไปเล่นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑ เพลงนี้มีความหมายในเชิงโน้มน้าวจิตใจให้สงบ มีปณิธานแน่วแน่ในการบูชาสิ่งศักดิ์ด้วยความเคารพ [<a href="http://www.tlcthai.com/club/view_topic.php?club=MusicThai&club_id=1600&table_id=1&cate_id=1020&post_id=6628">tlcthai.com</a>]</p><p><a href="http://www.phrapiyaroj.com/homrong/page2.html">ฟังเพลงโหมโรงขับไม้บัณเฑาะว์</a> [phrapiyaroj.com]</p><audio controls="controls"> <source src="http://linux.thai.net/%7Ethep/audio/kabmaibandor.ogg" type="audio/ogg"> <source src="http://www.phrapiyaroj.com/homrong/images/kabmaibandor.wma" type="audio/x-ms-wma"> <embed allowscriptaccess="never" src="http://www.phrapiyaroj.com/homrong/images/kabmaibandor.wma" type="audio/x-mplayer2" autostart="false" loop="false" height="60" width="144"></source></source></audio><p><a href="http://www.phrapiyaroj.com/mahoree/page10.html">ฟังเพลงขับไม้บัณเฑาะว์ฉบับมโหรี</a> [phrapiyaroj.com]</p><audio controls="controls"> <source src="http://linux.thai.net/%7Ethep/audio/KUB%20MAI%20BAN%20DOOR.ogg" type="audio/ogg"> <source src="http://www.phrapiyaroj.com/mahoree/images/KUB%20MAI%20BAN%20DOOR.wma" type="audio/x-ms-wma"> <embed allowscriptaccess="never" src="http://www.phrapiyaroj.com/mahoree/images/KUB%20MAI%20BAN%20DOOR.wma" type="audio/x-mplayer2" autostart="false" loop="false" height="60" width="144"></source></source></audio><p>ในทางดนตรีสากล ก็มีการประยุกต์ทำนองเพลงนี้ด้วย</p><p><a href="http://www.oknation.net/blog/pakapoo/2007/06/15/entry-6">พระเจนดุริยางค์</a> แต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์ “พระเจ้าช้างเผือก” ใน พ.ศ. ๒๔๘๔ โดยมีเพลงเอกของเรื่อง ๕ เพลง คือ:</p><ul> <li> เพลงประจำพระเจ้าจักรา (King of the White Elephant) ใช้ทำนองเพลงศรีอโยธยา </li> <li> เพลงเดินทัพของประเจ้าจักรา (Ayudhya Eternal) ใช้ทำนองเพลงขับไม้บัณเฑาะว์ </li> <li> เพลงดำเนินเรื่อง (His Majesty King Chakra) เป็นเพลงแต่งขึ้นใหม่ </li> <li> เพลงเกียรติยศ (The King is Here) แต่งขึ้นใหม่ ต่อมาครูสมาน กาญจนผลิน นำมาเขียนเป็นเกริ่นเพลง “สดุดีมหาราชา” ซึ่งใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง “เรือนแพ” เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗ </li> <li> เพลงลาวครวญ (A Maiden's of Hope) เป็นเพลงเก่าสืบทอดมาแต่สมัยอยุธยา </li> <li> เพลงเชิดจีน (March of the Men of the North) เป็นเพลงเก่าที่พระประดิษฐ์ไพเราะได้ประพันธ์ไว้ มี ๔ ท่อนด้วยกัน พระเจนดุริยางค์นำเอาท่อนที่ ๓ มาใช้ </li></ul><p>และเพลงที่สองนี่เอง ที่เป็นการเรียบเรียงเพลงขับไม้บัณเฑาะว์ด้วยดนตรีสากล [<a href="http://www.pridiinstitute.com/autopage/show_page.php?h=43&s_id=9&d_id=23">pridiinstitute.com</a>]</p><p><a href="http://www.oknation.net/blog/pakapoo/2007/06/15/entry-6">ฟังเพลงขับไม้บัณเฑาะว์ ฉบับพระเจนดุริยางค์</a> [oknation.net]</p><audio controls="controls"> <source src="http://linux.thai.net/%7Ethep/audio/oknation-5026.ogg" type="audio/ogg"> <source src="http://www.oknation.net/blog/home/video_data/873/7873/video/5026/5026.mp3" type="audio/mpeg"> <embed allowscriptaccess="never" src="http://www.oknation.net/blog/home/video_data/873/7873/video/5026/5026.mp3" type="audio/x-mpeg" autostart="false" loop="false" height="60" width="144"></source></source></audio><p><a href="http://www.ijigg.com/songs/V2AE4BF0P0">ฟังเพลงขับไม้บัณเฑาะว์ประยุกต์</a> บรรเลงโดยวง Bangkok Symphony Orchestra</p><object height="80" width="315"><param name="allowScriptAccess" value="never"><param name="movie" value="http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?songID=V2AE4BF0P0&Autoplay=0"><param name="scale" value="noscale"><param name="wmode" value="transparent"><embed allowscriptaccess="never" src="http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?Autoplay=0&songID=V2AE4BF0P0" ="" scale="noscale" wmode="transparent" height="80" width="315"></object><p>มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีเพลงประจำมหาวิทยาลัยเพลงหนึ่งชื่อ “<a href="http://alumni.tu.ac.th/tu-songs/cheer6.html">อโยธยาคู่ฟ้า</a>” ซึ่งใช้ทำนองเพลงขับไม้บัณเฑาะว์นี้</p><audio controls="controls"> <source src="http://linux.thai.net/%7Ethep/audio/tu-songs-6.ogg" type="audio/ogg"> <source src="http://alumni.tu.ac.th/tu-songs/wma/6.wma" type="audio/x-ms-wma"> <embed allowscriptaccess="never" src="http://alumni.tu.ac.th/tu-songs/wma/6.wma" type="audio/x-mplayer2" autostart="false" loop="false" height="60" width="144"></source></source></audio><p>หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช เรียบเรียงทำนองเป็นเพลง “<a href="http://www.youtube.com/watch?v=9xanguXmM44">ตื่นเถิดไทย</a>” คำร้องโดย ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค [<a href="http://www.monofocus.in.th/blog/?p=264">monofocus.in.th</a>]</p><object height="344" width="425"><param name="allowScriptAccess" value="never"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/9xanguXmM44&hl=en_US&fs=1&"><param name="allowFullScreen" value="true"><embed allowscriptaccess="never" data="https://www.youtube.com/v/9xanguXmM44&hl=en_US&fs=1&" src="http://www.youtube.com/v/9xanguXmM44&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" height="344" width="425"></object> <div></div>Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-55908214356850090582009-11-12T10:57:00.000+07:002013-08-02T10:22:52.416+07:00โอยอ่าโอย (挨呀挨) <p>เพลง <a href="http://thep-misc.blogspot.com/2009/11/blog-post_6.html">อ๋องอาอ๋อง (唪呀唪)</a> ออกจะเป็นแนวเอ็นดู อธิษฐานอวยพรให้เด็ก แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความคาดหวังในตัวเด็กไปด้วย แต่บางทีถ้าไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะพูดเอาใจเด็ก เห็นเด็กทำตัวน่าหมั่นเขี้ยว ร้องอ๋องอาอ๋องอาจจะเลี่ยน ไม่เป็นไรครับ มีเพลงกล่อมเด็กอีกเพลง คือ โอยอ่าโอย (挨呀挨)</p><video controls="controls" height="360" width="480"> <source src="http://linux.thai.net/%7Ethep/video/oai-a-oai.ogg" type="video/ogg"> <source src="http://linux.thai.net/%7Ethep/video/oai-a-oai.flv" type="video/x-flv"> <embed allowscriptaccess="never" src="http://www.56.com/n_v42_/c30_/11_/14_/zrq6813_/zhajm_11918495251_/264000_/0_/20308791.swf" ="" type="application/x-shockwave-flash" height="395" width="480"></source></source></video> <table border="0"><tbody><tr><th>ตัวเขียนย่อ</th><th>ตัวเขียนเต็ม</th></tr><tr><td>挨笼挨呀挨<br><br>挨呀挨 挨呀挨<br>挨米来饲鸡<br>饲鸡叫“谷加”<br>饲狗来吠夜<br>饲猪还人债<br>饲牛拖犁耙<br>饲阿弟来落书斋<br>饲阿妹来分人骂</td><td>挨籠挨呀挨<br><br>挨呀挨 挨呀挨<br>挨米來飼雞<br>飼雞叫“穀加”<br>飼狗來吠夜<br>飼猪還人債<br>飼牛拖犁耙<br>飼阿弟來落書齋<br>飼阿妹來分人罵</td></tr><tr><th>คำอ่านแต้จิ๋ว</th><th>คำแปล</th></tr><tr><td>โอยลั้งโอยอ่าโอย<br><br>โอยอ่าโอย โอยอ่าโอย<br>โอยบี้ไหล่ฉี่โกย<br>ฉี่โกยเกี้ย “กกแก”<br>ฉี่เก้าไหล่ปุ่ยแม้<br>ฉี่ตือโห่ยหนั่งแจ่<br>ฉี่ก๎งู๊ทัวโหล่ยแป๊<br>ฉี่อาตี๋ไหล่เหลาะจือแจ<br>ฉี่อาหมวยไหล่ปุงหนั่งแหม่</td><td>หมุนฝัด หมุนเอยหมุน<br><br>โม่เอยโม่ โม่เอยโม่<br>โม่ข้าวมาเลี้ยงไก่<br>เลี้ยงไก่ร้อง “กุ๊ก ๆ” (1)<br>เลี้ยงหมาไว้เห่าตอนค่ำ<br>เลี้ยงหมูไว้ใช้หนี้<br>เลี้ยงวัวไว้ลากไถคราด<br>เลี้ยงอาตี๋ไว้เข้าโรงเรียน<br>เลี้ยงอาหมวยไว้ให้คนด่า (2)</td></tr></tbody></table><p>(1) บางเวอร์ชันว่า “ฉี่โกยไหล่ตึงแก” ซึ่งผมยังไม่แน่ใจตัวเขียน อาจจะเป็น 飼雞來當家 แปลว่า “เลี้ยงไก่ไว้บริหารครอบครัว” (หมายถึงการขันบอกเวลา) ก็ได้</p><p>(2) ประเพณีจีนโบราณ เด็กผู้ชายเท่านั้นที่จะได้เรียนหนังสือ เด็กผู้หญิงจะอยู่ทำงานที่บ้าน คำว่า “เลี้ยงอาหมวยไว้ให้คนด่า” ก็คงเหมือนของไทยที่ว่า “มีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน” เนื้อเพลงนั้นแยกเลี้ยงอาตี๋อาหมวยคนละอย่าง แต่เวลาร้องจริง ไม่เคยเห็นแยก ไม่ว่าอาตี๋หรืออาหมวย ก็จะ “ปุงหนั่งแหม่” เหมือนกันหมด :-P</p><p>ที่มา MV: <a href="http://www.56.com/u74/v_MjAzMDg3OTE.html">56.com</a></p><p>คำอธิบายเนื้อเพลง: <a href="http://www.gaginang.org/joomla/distribution/viewtopic.php?f=20&t=275">gaginang.org</a></p> <div></div>Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com4tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-44234958722640721872009-11-06T15:39:00.000+07:002013-08-02T10:22:19.109+07:00อ๋องอาอ๋อง (唪呀唪) <p>เพลงกล่อมเด็กสุดคลาสสิกของชาวแต้จิ๋วครับ ถึงจะไม่เคยฟังตอนเด็ก (โตมากับ <a href="http://thep-misc.blogspot.com/2009/11/blog-post_12.html">อีกเพลงหนึ่ง</a> ไม่ใช่เพลงนี้) แต่ได้ฟังตอนโตก็ซาบซึ้งมาก เนื้อหาและอารมณ์เพลงแสดงถึงความทะนุถนอมกล่อมเลี้ยง ให้ลูกเติบโตเป็นคนดี คนเก่ง ชวนลูกจินตนาการถึงความก้าวหน้า (ตามแบบเด็ก ๆ) ผ่านคำอธิษฐาน ฟังกี่รอบก็ไม่เบื่อ</p><video controls="controls" height="360" width="480"> <source src="http://linux.thai.net/%7Ethep/video/ong-a-ong.ogg" type="video/ogg"> <source src="http://linux.thai.net/%7Ethep/video/ong-a-ong.flv" type="video/x-flv"> <embed allowscriptaccess="never" src="http://www.56.com/n_v42_/c30_/14_/14_/zrq6813_/zhajm_119185596751_/252000_/0_/20314607.swf" ="" type="application/x-shockwave-flash" height="395" width="480"></source></source></video> <table border="0"><tbody><tr><th>ตัวเขียนย่อ</th><th>ตัวเขียนเต็ม</th></tr><tr><td>唪呀唪,<br>唪金公,<br>金公做老爹,<br>阿七阿八来担靴。<br>担靴担唔浮,<br>饲猪大过牛。<br>黃牛生马仔,<br>马仔生珍珠。<br>珍珠辇辇圆,<br>阿舍读书赴科期,<br>科期科,<br>阿舍读书中探花。<br>去时书僮担行李,<br>来时大轿夹彩旗。</td><td>唪呀唪,<br>唪金公,<br>金公做老爹,<br>阿七阿八來擔靴。<br>擔靴擔唔浮,<br>飼猪大過牛。<br>黃牛生馬仔,<br>馬仔生珍珠。<br>珍珠輦輦圓,<br>阿捨讀書赴科期,<br>科期科,<br>阿捨讀書中探花。<br>去時書僮擔行李,<br>來時大轎夾彩旗。</td></tr><tr><th>คำอ่านแต้จิ๋ว</th><th>คำแปล</th></tr><tr><td>อ๋องอาอ๋อง<br>อ่องกิมก๋อง<br>กิมก๋องจ้อเหล่าเตีย<br>อาฉิกอาโป่ยไหล่ตาเฮีย<br>ตาเฮียตาอึ่มพู้<br>ฉี่ตือตั่วก้วยก๎งู๊<br>อึ่งก๎งู๊แซแบ๋เกี้ย<br>แบ๋เกี้ยแซเตียงจู<br>เตียงจูลิ่งหลิ่งอี๊<br>อาเสี่ยถักจือฮู้ฆวยคี้<br>ฆวยคีฆวย<br>อาเสี่ยถักจือตงทังฮวย<br>คือซี้จือท้งตาเห่งลี่<br>ไล้ซี้ตั่วเกี่ยเกียบไฉกี๊</td><td>โอมเอยโอม<br>โอมกิมก๋อง (1)<br>กิมก๋องเป็นเจ้านายใหญ่ (2)<br>บ่าวไพร่มายกรองเท้าไป (3)<br>ยกยังไงก็ยกไม่ขึ้น (4)<br>เลี้ยงหมูก็โตกว่าวัว<br>วัวเหลืองออกลูกเป็นม้า<br>ม้าออกไข่มุก (5)<br>ไข่มุกกลมกลิ้งหลุนๆ<br>อาเสี่ยเรียนหนังสือไปสอบจอหงวน<br>สอบจอหงวน สอบจอหงวน<br>อาเสี่ยมีวิชาเทียบชั้นทังฮวย (6)<br>ขาไปใช้พนักงานแบกสัมภาระ<br>ขากลับนั่งเกี้ยวใหญ่ขนาบด้วยธงทิวหลากสี</td></tr></tbody></table><p>(1) กิมก๋อง (金公) ในที่นี้ใช้เรียกแทนตัวเด็ก</p><p>(2) เหล่าเตีย (老爹) ตามตัวอักษรแปลว่า ท่านปู่ โดย เตีย (爹) ก็คือเตี่ยหรือพ่อ เหล่าเตียก็คือปู่ ในที่นี้หมายถึงเจ้านายใหญ่</p><p>(3) บางเวอร์ชัน ชื่อเรียกบ่าวไพร่จะเป็น อาบุ๊งอาบู๊ (阿文阿武)</p><p>(4) บางเวอร์ชันว่า “ตาเฮียตาผู่พู้” (擔靴擔浮浮) คือยกขึ้นสูง ๆ</p><p>(5) ไข่มุก บางเวอร์ชันจะใช้คำว่า “จิงจู” (真珠) ซึ่งก็แปลว่าไข่มุกเช่นกัน</p><p>(6) ทังฮวย (探花) คือชื่อตำแหน่งอันดับสามของการสอบจอหงวน</p><p>ที่มา MV: <a href="http://www.56.com/u82/v_MjAzMTQ2MDc.html">56.com</a></p><p>คำอธิบายเนื้อเพลง: <a href="http://www.gaginang.org/joomla/distribution/viewtopic.php?f=20&t=275">gaginang.org</a></p> <div></div>Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com4tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-55693469735001898622009-11-03T12:44:00.000+07:002012-09-19T14:14:08.620+07:00หิมะหอม <p>ชื่อของแม่คือ 雪香 อ่านสำเนียงจีนกลางว่า “เสว่เซียง” (xuěxiāng) แต้จิ๋วว่า “เซาะเฮียง” ซึ่งแปลตามตัวอักษรได้ว่า “หิมะหอม” หรือ “หอมราวหิมะ” แม่เคยถามว่า “รู้จักไหม หิมะหอมน่ะ?” พอดีเมื่อคืนอ่านพบบทกวีจีนชื่อ <strong>梅花</strong> (ดอกเหมย) ของ 王安石 (หวางอันสือ/เฮ้งอังเจี้ย) <a href="http://en.wikipedia.org/wiki/Wang_Anshi">กวีสมัยซ่ง</a> ที่ทำให้คิดว่าพบกับคำตอบหนึ่ง</p><div style="text-align:center;margin: 1em;"> <a href="http://www.flickr.com/photos/richardfisher/3607649311/"><img src="https://farm4.static.flickr.com/3388/3607649311_2817d452ec.jpg"></a> <div xmlns:cc="http://creativecommons.org/ns#" about="http://www.flickr.com/photos/richardfisher/3607649311/">เครดิตภาพ: <a rel="cc:attributionURL" href="http://www.flickr.com/photos/richardfisher/">http://www.flickr.com/photos/richardfisher/</a> / <a rel="license" href="http://creativecommons.org/licenses/by/2.0/">CC BY 2.0</a></div></div><h3>梅花 《王安石》</h3><p>ภาษาจีนตัวเขียนย่อ:</p><blockquote>墙角数枝梅,<br>凌寒独自开。<br>遥知不是雪,<br>为有暗香来。</blockquote><p>ภาษาจีนตัวเขียนเต็ม (เนื่องจากคนจีนแต้จิ๋วในไทยคุ้นเคยกับตัวเขียนเต็มมากกว่า):</p><blockquote>牆角數枝梅,<br>凌寒獨自開。<br>遙知不是雪,<br>為有暗香來。</blockquote><p>คำอ่านสำเนียงจีนกลาง:</p><blockquote>เฉียงเจี่ยวซู่จือเหมย<br>หลิงหานตู๋จื้อไค<br>เอี๋ยวจือปู๋สื้อเสว่<br>เว่ยโหย่วอั้นเซียงไหล</blockquote><p>คำอ่านสำเนียงแต้จิ๋ว:</p><blockquote>เฉี่ยกักซู้กีบ๊วย<br>เหล่งฮั้งตกจื่อไค<br>เอี่ยวไจปุ๊กสี่เสาะ<br>อุ่ยอู่อั๊มเฮียงไล้</blockquote><div style="text-align:center;margin: 1em;"> <a href="http://www.flickr.com/photos/gertrudster/394234131/"><img src="https://farm1.static.flickr.com/144/394234131_927dc1aa36.jpg"></a> <div xmlns:cc="http://creativecommons.org/ns#" about="http://www.flickr.com/photos/gertrudster/394234131/">เครดิตภาพ: <a rel="cc:attributionURL" href="http://www.flickr.com/photos/gertrudster/">http://www.flickr.com/photos/gertrudster/</a> / <a rel="license" href="http://creativecommons.org/licenses/by/2.0/">CC BY 2.0</a></div></div><p>มีคำแปลเป็นไทยโดยเหล่าตั๊ง:</p><blockquote>มุมกำแพงแฝงต้นเหมยสองสามกิ่ง<br>กำแหงยิ่งผลิดอกพราวแม้หนาวสั่น<br>รู้แต่ไกลหาใช่หิมะพลัน<br>ด้วยตรงนั้นกลิ่นหอมโปรยโชยตามมา</blockquote><p>มี <a href="http://usa.mdbg.net/chindict/chindict.php?page=about">คำแปลเป็นภาษาอังกฤษ</a> ซึ่งเก็บความได้ครบถ้วนดี:</p><blockquote><p><strong>Plum blossom</strong> (Wang An Shi)</p><p>At a wall corner some plum trees grow;<br>Alone against cold white blossoms blow.<br>Aloof one knows they aren't the snow,<br>As faint through air soft fragrances flow.</p></blockquote><div style="text-align:center;margin: 1em;"> <a href="http://www.flickr.com/photos/17597931@N00/2395517910"><img src="https://farm3.static.flickr.com/2086/2395517910_3aa97208e8.jpg"></a> <div xmlns:cc="http://creativecommons.org/ns#" about="http://www.flickr.com/photos/17597931@N00/2395517910">เครดิตภาพ: <a rel="cc:attributionURL" href="http://www.flickr.com/photos/17597931@N00/">http://www.flickr.com/photos/17597931@N00/</a> / <a rel="license" href="http://creativecommons.org/licenses/by/2.0/">CC BY 2.0</a></div></div><h3>ลองถอดความเองดูบ้าง</h3><ul> <li>牆角數枝梅 แปลว่า ที่มุมกำแพงมีพุ่มเหมยอยู่สองสามพุ่ม</li> <li>凌寒獨自開 แปลว่า ท่ามกลางความหนาวอันทารุณก็ยังเบ่งบานโดยลำพัง</li> <li>遙知不是雪 แปลว่า รู้แต่ไกลว่าไม่ใช่หิมะ</li> <li>為有暗香來 แปลว่า ด้วยมีกลิ่นหอมจาง ๆ โชยมา</li></ul><p>ดอกเหมย หรือดอกบ๊วย เป็นดอกไม้ที่ได้รับเกียรติให้เป็นดอกไม้ประจำชาติจีน คนจีนชื่นชมความอดทนต่อดินฟ้าอากาศของดอกเหมย เพราะในยามที่ดอกไม้อื่นล่าถอยหลบความหนาวเย็นของหน้าหนาว เหมยกลับบานชูช่ออย่างไม่พรั่นพรึงกับหิมะและลมหนาว เป็นสัญลักษณ์ของความเข้มแข็งและอดทนของคนจีนได้เป็นอย่างดี เหมยมีทั้งดอกงาม มีทั้งผลที่ให้คุณค่าทางโภชนาการ เข้มแข็งอดทน เยี่ยงคนที่ภูมิใจในคุณค่าและศักดิ์ศรีของตน แต่เหมยก็ไม่งามฉูดฉาดหรือเด่นเป็นพิเศษ อุปมาดั่งคนดีที่ไม่โอ้อวดตัว กลับอ่อนน้อมถ่อมตน คุณลักษณะเหล่านี้คือบุคลิกภาพในอุดมคติตามค่านิยมจากวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของคนจีน</p><p>จากรูปแบบฉันทลักษณ์จีน ชอบที่จะถอดเป็นกาพย์ยานี ๑๑ มากกว่า:</p><blockquote>๏ พุ่มเหมยริมกำแพง<br>ผลิดอกแซงแข่งลมหนาว<br>รู้ใช่หิมะพราว<br>ด้วยหอมโปรยโชยลมมา ๚ะ๛</blockquote><div style="text-align:center;margin: 1em;"> <a href="http://www.geograph.org.uk/photo/1214420"><img src="http://s0.geograph.org.uk/geophotos/01/21/44/1214420_d18131ce.jpg"></a> <div xmlns:cc="http://creativecommons.org/ns#" about="http://www.geograph.org.uk/photo/1214420">เครดิตภาพ: <a rel="cc:attributionURL" property="cc:attributionName" href="http://www.geograph.org.uk/profile/8569">Jonathan Billinger</a> / <a rel="license" href="http://creativecommons.org/licenses/by-sa/2.0/">CC BY-SA 2.0</a></div></div><h3>อ้างอิง:</h3><ol> <li>อ้างอิงตัวเขียนเต็มภาษาจีนของบทกวีดอกเหมยจาก: http://chaoping0216.spaces.live.com/blog/cns!D3B6A037AFC21D65!2136.entry</li> <li>อ้างอิงตัวเขียนย่อภาษาจีน เสียงอ่านภาษาจีนกลางและแต้จิ๋ว และคำแปลไทยเป็นกลอนแปดจากหนังสือ <strong>ลูกหลานคนแต้จิ๋ว</strong> โดย เหล่าตั๊ง จัดจำหน่ายโดย ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย</li> <li>คำแปลบทกวีดอกเหมยเป็นภาษาอังกฤษจาก: http://usa.mdbg.net/chindict/chindict.php?page=about</li> <li>ข้อมูลคุณลักษณะของดอกเหมยในค่านิยมจีนจากหนังสือ <strong>สี่ยอดหญิงงาม ผู้พลิกประวัติศาสตร์จีน</strong> โดย ถาวร สิกขโกศล จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายโดย บริษัทสร้างสรรค์บุ๊คส์ จำกัด</li></ol> <div></div>Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-24546645794433515932009-07-24T10:29:00.000+07:002012-09-19T14:14:08.610+07:00บ้านใหม่ที่ seesod <p>เห็น <a href="http://mrchoke.multiply.com/">MrChoke</a> มา <a href="http://mrchoke.org/node/233">โฆษณา</a> ไว้ ว่ามีเว็บ <a href="http://seesod.com">สีสด</a> ของคนไทย ที่เก็บรูปขนาดเต็มให้ แถมโฮสต์อยู่ในประเทศ access ได้รวดเร็ว แล้วยังมีโครงการ <a href="http://seesod.com/campaign/move_multiply">ย้ายบ้าน Multiply กลับไทย</a> อีก ก็เลยสมัครเลย เพิ่งมีเวลาย้ายรูปเมื่อวานนี้เอง ที่ <a href="http://theppitak.seesod.com">http://theppitak.seesod.com</a> ครับ</p><p>แต่จะย้ายไปเลยหรือเปล่า ก็คงขึ้นอยู่กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ด้วยแหละ เพราะก็ยังมีเครือข่ายที่สร้างไว้ที่ multiply นี้อยู่ รูปที่แบ่งปันกันภายในครอบครัวก็ยังย้ายไปไม่ได้ เพราะ seesod ยังไม่แยกเครือข่ายเพื่อนกับครอบครัวออกจากกัน</p><p>ก็คิดว่า คงใช้สองบ้านนี้โพสต์รูปควบคู่กันไปก่อนในตอนนี้</p> <div></div>Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com4tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-39703953593209758232009-04-20T11:47:00.000+07:002012-09-19T14:14:08.613+07:00หยุดม็อบล้างผลาญ <p>หลังจากได้เรียบเรียงความคิดผ่าน blog มาแล้วสอง blog ก็ขอสรุปลงเป็นรูปนี้:</p><p><span class="insertedphoto"><img class="alignmiddleb" src="http://images.theppitak.multiply.com/image/1/photos/upload/300x300/Sev6QgoKCIsAAAP2DFA1/nomobs-violent-medium.jpg?et=6fOX0oJWVESfVBMS1jeB9w&nmid=0" border="0"></span></p><p>การชุมนุมโดยสงบถือเป็นสิทธิที่บุคคลพึงกระทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย แต่การชุมนุมที่สร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองอย่างร้ายแรง ละเมิดสิทธิของประชาชนอื่น ไม่ว่าจะเป็นการยึดสถานที่สำคัญ การปิดเส้นทางการจราจร การขู่วางระเบิด การวางเพลิง หรืออะไรก็ตามที่เข้าข่ายสร้างความเสียหายต่อส่วนรวมหรือทรัพย์สินของเอกชน สมควรได้รับการประณามและคัดค้าน</p><p>ด้วยฝีมือกราฟิกส์อันจำกัด.. ก็ได้มาแค่นี้แหละครับ โดยต้นฉบับ SVG ได้ upload ไว้ที่นี่:</p><p><a href="http://linux.thai.net/%7Ethep/img/nomobs-violent.svg">http://linux.thai.net/~thep/img/nomobs-violent.svg</a></p><p>license เป็น GNU GPL 2 เนื่องจากได้ใช้ไอคอนของ gnome-icon-theme ที่ใช้ GPL 2 จึงใช้ license ตามนั้น ส่วนฟอนต์ที่ใช้ เป็นฟอนต์ "สวัสดี" ซึ่งเป็นฟอนต์เสรีจากแพกเกจ <a href="http://linux.thai.net/projects/thaifonts-scalable">ThaiFonts-Scalable</a> ส่วนเครื่องมือที่ใช้สร้าง เป็น <a href="http://www.inkscape.org">inkscape</a> ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์เสรีเช่นกัน<br></p><p>คำพูดที่ใช้ พยายามให้กระชับ เพื่อให้ใส่ในรูปได้ ผมเองยังคิดคำที่ดีกว่านี้ไม่ได้ เพราะส่วนมากจะยาว ใครมีไอเดียอื่นก็แนะนำได้ครับ</p><p><span style="font-weight: bold;">Update:</span> แม้ผมจะไม่ได้เจาะจงสีไหน โดยพยายามใช้ตัวหนังสือดำทั้งหมด แต่ก็มีคำทักท้วงว่าเครื่องหมายหยุด/ห้ามเข้านั้น เป็นสีแดง เพื่อความสบายใจ ก็เลยจำเป็นต้องลงสีเพื่อให้เกิดสมดุลสำหรับเหตุการณ์ปัจจุบัน แต่ขอย้ำว่า แม้ในอนาคตจะมีสีอื่นขึ้นมาทำทำนองนี้อีก รูปนี้ก็ยังคงครอบคลุมสีนั้นด้วย:</p><p><br></p><p><span class="insertedphoto"><img class="alignmiddleb" src="http://images.theppitak.multiply.com/image/1/photos/upload/300x300/SewTyAoKCIsAAGphnaM1/nomobs-violent-colored-medium.jpg?et=ylOkFyY4rqZQd2iGVIwW7g&nmid=0" border="0"></span></p><p><span style="font-weight: bold;">Update 2:</span> หลังจากแปะแบบลงสีไปแล้ว ผมก็เปลี่ยนใจ คิดว่าถ้าจะไม่อ้างถึงสีเลยจะสวยงามกว่า ก็ขอเปลี่ยนทางเลือกสำหรับผู้กังวลกับสีแดงในเครื่องหมายหยุด/ห้ามเข้า มาเป็นแบบ gray scale ดีกว่านะครับ:</p><p><span class="insertedphoto"><img class="alignmiddleb" src="http://images.theppitak.multiply.com/image/1/photos/upload/300x300/SewisQoKCIsAAGX5KHY1/nomobs-violent-gray-medium.jpg?et=sT98NBBh9emyp%2Bj9KNz1lg&nmid=0" border="0"></span></p> <div></div>Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com30tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-81029582805546809422009-04-16T16:35:00.000+07:002012-09-19T14:14:08.630+07:00สองมาตรฐาน?<p>ผมเปิดโปรแกรม editor ว่าจะนั่งเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ แต่ก็มีเรื่องอื่นให้ไปติดตามควบคู่กับสถานการณ์บ้านเมือง (เรื่องงานซอฟต์แวร์เสรีครับ จังหวะเวลาของแผนงานมาชนกับช่วงนี้พอดี) สุดท้ายเลยไม่ได้กดแป้นพิมพ์ลงไปสักปุ่มเดียว</p><p>ในระหว่างที่เสื้อแดงก่อเหตุ ผมได้สังเกตเห็นปฏิกิริยาจากหลาย ๆ คน โดยเฉพาะจากฝ่ายเสื้อแดง เกี่ยวกับเรื่องการเรียกร้องให้คนที่เคยพูด เคยทำอะไรไว้ในสมัยเสื้อเหลือง ออกมาพูดมาทำให้เหมือนเดิมในสมัยเสื้อแดง โดยให้เหตุผลว่า เงื่อนไขสถานการณ์เหมือนเดิมทุกอย่าง</p><p>ผมกลับเห็นแย้ง เพราะถ้าเรามองให้ดี ๆ แล้ว จะพบว่ามันไม่ได้เหมือนกัน อีกทั้งในการเกิดเหตุการณ์ซ้ำสองนั้น ไม่จำเป็นที่คนเราจะต้องคิดเหมือนเดิม เพราะสิ่งที่แตกต่างกันในวาระทั้งสองคือเรื่องประสบการณ์</p><p>เริ่มจากเรื่อง <strong>ทางออกของปัญหา</strong> ก่อน หลายคนพุ่งเป้าไปที่ตัวนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ยุบสภาหรือลาออก เพื่อหยุดเงื่อนไขของม็อบ โดยอ้างว่านายกฯ เคยเสนอแนะให้อดีตนายกฯ สมัคร ยุบสภาเมื่อคราวเสื้อเหลือง คราวนี้ก็ควรทำเหมือนที่ตัวเคยเสนอ</p><p>เรื่องนี้ผมเห็นว่าประเด็นปัญหาของเสื้อเหลืองกับเสื้อแดงไม่เหมือนกัน แม้ดูเผิน ๆ วิธีการจะคล้ายกัน แต่จุดประสงค์กลับต่างกัน เสื้อเหลืองนั้น พยายามทำทุกอย่างเพราะต้องการให้บรรลุจุดประสงค์ของพวกตนโดยตรง ในขณะที่เสื้อแดง ทำเพื่อท้าทายมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรม</p><p>ดังนั้น ในขณะที่เป้าหมายของเสื้อเหลืองอยู่ที่ฝ่ายบริหารโดยตรง แต่เป้าหมายหลักของเสื้อแดงกลับอยู่ที่ฝ่ายตุลาการ โดยพยายามย้อนรอยสิ่งที่เสื้อเหลืองทำเพื่อทดสอบความยุติธรรม</p><p>ดังนั้น ทางออกของปัญหาที่ผมคิดในครั้งนี้ จึงไม่ได้อยู่ที่เรื่องตัวนายกฯ โดยตรงเหมือนครั้งก่อน แต่เห็นว่าควรเป็นฝ่ายตุลาการที่จะพยายามหยุดปัญหา (ที่ตนก็มีส่วนร่วมก่อ) นี้</p><p>ในระหว่างพูดคุยกับเพื่อนฝูง ผมจึงเสนอว่า แม้จะสายไปหน่อย แต่ฝ่ายตุลาการควรเร่งดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ ให้เรียบร้อย การชะลอให้เนิ่นช้าในช่วงที่ผ่านมา ได้กลายเป็นเงื่อนไขที่เพาะบ่มการชุมนุมครั้งใหม่ของกลุ่ม นปช. และในครั้งนี้ ถ้าสามารถสร้างบรรทัดฐานได้ว่า การชุมนุมที่ละเมิดสิทธิและทรัพย์สินของบุคคลอื่นเป็นสิ่งผิด เราก็จะสามารถลดความชอบธรรมในการสร้างความวุ่นวายของ นปช. ได้เช่นกัน และแม้ในตอนนี้ นปช. จะได้ยุติการชุมนุมไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเขาจะไม่กลับมาชุมนุมใหม่อีก การเร่งดำเนินคดีกับพันธมิตรฯ จึงยังเป็นสิ่งที่สมควรทำ</p><p>ยิ่งเมื่อคิดถึงอนาคตในระยะยาว ที่ลูกหลานจะจดจำตำนานเหลือง-แดงเป็นแบบอย่างให้เดินตาม หรือจะจดจำเป็นบทเรียน ก็ขึ้นอยู่กับการดำเนินการของกระบวนการยุติธรรมในครั้งนี้ด้วย</p><p>แต่ย้ำว่าต้องตัดสินอย่างยุติธรรมที่สุดนะครับ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ความยุติธรรมนี้เอง</p><p>ประเด็นถัดมาคือเรื่อง <strong>การสลายการชุมนุม</strong> มีคนเปรียบเทียบท่าทีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร โดยเฉพาะทหาร ที่มีต่อเสื้อเหลือง-เสื้อแดงอย่างแตกต่าง อันนี้ผมไม่อยากลงรายละเอียดมากนัก เพราะเป็นเรื่องภายในของเจ้าหน้าที่ ผมพูดแทนไม่ได้ แต่มีอีกส่วนหนึ่งคือท่าทีของผู้คนในการสนับสนุนการใช้กำลังสลายการชุมนุมมากกว่าครั้งก่อน ซึ่งน่าจะแสดงความเห็นได้ชัดเจนกว่า</p><p>ผมเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของประสบการณ์และจังหวะเวลา ในสมัยที่พันธมิตรฯ ชุมนุมนั้น คนไทยอดทนอยู่กับความเห็นที่แตกต่างมาเป็นแรมปี จนกระทั่งฟางเส้นสุดท้ายได้ถูกหย่อนลง เมื่อพันธมิตรฯ บุกยึดทำเนียบรัฐบาล อันเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ เข้าไปกิน ไปทำนา ไปฉี่ไปถ่าย ปู้ยี่ปู้ยำกับสถานที่อย่างขาดความเคารพ จนรัฐบาลต้องระเหเร่ร่อนไปทำงานที่อื่น ตรงนี้ผมเชื่อว่า เป็นจุดเปลี่ยนจุดหนึ่งที่ทำให้คนกลุ่มใหญ่เบือนหน้าหนีจากพันธมิตรฯ หลังจากเอือมระอากับการอภิปรายโจมตีฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ที่คิดต่างแม้เศษเสี้ยวแบบไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหมมาถ้วนหน้าแล้วก่อนหน้านั้น</p><p>ตรงนี้ผมเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ว่าหลังจากอยู่ในสถานะกระอักกระอ่วนกับญาติสนิทมิตรสหายที่ไปร่วมขบวนการอันสุดโต่งนี้มานาน ผมก็เริ่มตัดสินใจได้ ว่าถึงจุดที่จะเริ่มต่อต้านเสื้อเหลืองเสียที โดยเริ่มติดแบนเนอร์ "เบื่อม็อบพันธมิตร" ในเว็บ แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจกับการปะทะกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้ในใจจะลุ้นให้รัฐบาลดำเนินการเอาผิดกับพันธมิตรฯ ให้ได้ แต่ก็ยังไม่อยากเห็นความสูญเสียเลือดเนื้อของคนไทยด้วยกัน</p><p>แต่ในครั้งต่อมาที่เขาบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ผมไม่คิดอะไรอีกแล้ว ถ้าเขากล้าก่อความเสียหายให้กับประเทศชาติได้ครั้งแล้วครั้งเล่าขนาดนี้ ถ้าจะต้องใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุม ผมก็ไม่คัดค้านอีกแล้ว พอกันทีกับอภิสิทธิ์ชนที่ตู่อ้างความเป็น "ประชาชน" ในการละเมิดสิทธิและทรัพย์สินที่มาจากภาษีของประชาชนด้วยกันครั้งแล้วครั้งเล่า เขายังเห็นคนอื่นเป็น "ประชาชน" เหมือนเขาอยู่หรือเปล่า? การชุมนุม "โดยสงบ" จำเป็นต้องมีตัวประกันที่แพงขนาดนี้เชียวหรือ?</p><p>มันเป็นความรู้สึกเดียวกับคนที่ถูกขโมยขึ้นบ้าน แล้วต้องการให้ตำรวจจับคนร้ายมาลงโทษให้ได้</p><p>เอาล่ะ นั่นเป็นความเห็นส่วนตัวเมื่อคราวเสื้อเหลืองก่อการ คนอื่น ๆ จะคิดเห็นอย่างไรผมไม่ทราบ แต่แล้วพันธมิตรก็ได้เฮกับคำตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน ทำให้อดีตนายกฯ สมชายต้องสิ้นสุดการเป็นนายกฯ ในที่สุด เป็นคำตอบที่ทำให้ผม "อึ้ง" ตะลึงงันเหมือนกัน สิ่งที่ผมคาดหวัง คือผู้ละเมิดกฎหมายต้องถูกลงโทษ ไม่ใช่ได้ประกาศชัยชนะบนความพินาศของประเทศชาติอย่างนี้</p><p>เมื่อถึงคราวเสื้อแดง ผมคิดว่าเขามาในช่วงที่ประชาชนกำลังเกิดประกายความหวังหลังวิกฤติเสื้อเหลืองผ่านไป ได้นายกฯ หนุ่มไฟแรง พร้อมทีมงานคุณภาพ อย่างน้อย ๆ ก็กำลังอยู่ในช่วงที่ให้โอกาสรัฐบาลได้ทำงานก่อน การชุมนุมของเสื้อแดงในจังหวะนี้จึงเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีใครอยากให้เกิด แต่พอเกิด มันก็เกิดอย่างรวดเร็ว</p><p>ภาพของเสื้อเหลืองยึดสนามบินยังติดตา ความขุ่นเคืองเสียขวัญยังไม่ทันจางหาย กลยุทธ์ที่จะ "ไม่ซ้ำรอยเสื้อเหลือง" ในช่วงแรก ๆ ของเสื้อแดง จึงทำให้เสื้อแดงไม่ถูกปฏิเสธมากนัก แต่เมื่อปรากฏเค้าลางของความเสียหายครั้งใหม่ ด้วยการปิดถนนทั่วกรุงเทพฯ ประสบการณ์ที่เพิ่งผ่านมาหมาด ๆ กับเสื้อเหลือง ทำให้ผู้คนตื่นตัวระแวดระวังภัยอย่างรวดเร็ว แล้วในที่สุด ความหวังใด ๆ ที่ยังมีต่อท่าทีของเสื้อแดงก็พังครืนทันทีในวันที่เขาบุกยึดโรงแรมรอยัลคลิฟฟ์บีช ซึ่งกำลังจัดประชุมสุดยอดอาเซียน</p><p><em>หนองเหลือง ๆ ไม่ทันแห้ง เลือดแดง ๆ ก็ทะลัก!</em></p><p>แน่นอนว่าทุกคนได้เป็นประจักษ์พยานกับเรื่องพรรค์นี้มาแล้วในคราวเสื้อเหลือง และได้เพ่งเล็งไปที่ความหละหลวมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารในสถานการณ์อย่างนั้นอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจ ถ้าผู้คนจะสนับสนุนให้รัฐบาลเร่งสลายการชุมนุมให้มีประสิทธิภาพกว่าคราวก่อน การเอารูปมาแฉว่าใครยิงใครยังไง เริ่มกลายเป็นมุกเก่าซ้ำซากของฝ่ายม็อบ ประสบการณ์ทำให้ผู้คนเริ่มรู้ทัน รวมทั้งการสร้างความเสียหายและการยั่วยุเจ้าหน้าที่มาก่อนหน้านั้น ก็ทำให้คลายความเห็นอกเห็นใจลง เปลี่ยนมาเห็นใจเจ้าหน้าที่แทน</p><p>ดังนั้น จะเห็นว่า เงื่อนไขที่ไม่ได้เหมือนกันเหล่านี้ ทำให้ความคิดของผู้คนต่อการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ต่างกันอย่างช่วยไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องของสองมาตรฐานแต่อย่างใด ซึ่งอันที่จริง สำหรับผมโดยส่วนตัวตามที่เล่ามาข้างต้นแล้ว ก็เป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่ความตื่นตัวอาจจะไม่เท่ากันเท่านั้น</p><p>พูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าผมสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม เพียงแต่เราจำเป็นต้องให้อำนาจต่อเจ้าหน้าที่ในการจับกุมผู้กระทำผิด ซึ่งไม่ทราบว่าเขาได้อ้างสิทธิ์ข้อไหนในการปิดการสัญจรของประชาชนอื่น ๆ ในการบุกยึดสถานที่ ในการทำลายชื่อเสียงของประเทศ ในการทำลายเศรษฐกิจของประเทศ และอื่น ๆ อีกมากมาย</p><p>ผมขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ที่สามารถสลายการชุมนุมครั้งนี้ได้อย่างเรียบร้อยกว่าที่คิดไว้ และขอชื่นชมต่อความรับผิดชอบของแกนนำเสื้อแดงต่อผู้ร่วมชุมนุม ด้วยการยอมยุติการชุมนุมเสียเอง เป็นความกล้าที่น่านับถือมากสำหรับการตัดสินใจครั้งนี้</p><div></div>Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com7tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-30618459998979548892009-04-12T12:20:00.000+07:002012-09-19T14:14:08.611+07:00วิสา '52 <p>บทกวีวรรคทองที่ วิสา คัญทัพ เขียนให้กับเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 นั้น ดูสวยงามเพริศแพร้ว และกลายเป็นแรงบันดาลใจต่อผู้รักเสรีภาพและประชาธิปไตยในยุคต่อ ๆ มา</p><blockquote><p>๏ ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า<br>เหล่าผู้นำต่างมาแล้วสาปสูญ<br>ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเทิดทูน<br>ประชาชนสมบูรณ์นิรันดร์ไป ฯ</p><p>๏ เมื่อยืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่<br>ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่<br>เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ<br>ประชาชนย่อมเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ฯ</p></blockquote><p>แต่เหตุการณ์บ้านเมืองทุกวันนี้ กลับตาลปัตรไปหมด การเคลื่อนไหวทางการเมืองกลับทำให้ผู้คนเหนื่อยหน่าย เป็นการเคลื่อนไหวที่ไร้ขอบเขต ละเมิดสิทธิของผู้อื่นอย่างไม่ปรานีปราศรัย เป็นการใช้คำว่า "civil disobedience" หรือ "ดื้อแพ่ง" หรือที่มีการประดิษฐ์คำใหม่ให้ดูดี (แต่ผิดหลักการประสมคำและผิดความหมาย แต่ไม่ขอลงรายละเอียดในที่นี้) ว่า "อารยะขัดขืน" แบบผิด ๆ</p><p>civil disobedience (ขอทับศัพท์ละกัน เพื่อเลี่ยงความสับสน) นั้น เป็นการจงใจขัดขืนกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพในแบบอหิงสา <em>โดยยอมรับโทษทัณฑ์ตามกระบวนการยุติธรรม</em> และ <em>ไม่มีการต่อสู้ขัดขืนการจับกุม</em> แต่อาศัยการร่วมใจของผู้ร่วมเคลื่อนไหวในการสร้างความเปลี่ยนแปลง โดยไม่ใช่การบุกยึดสถานที่ ใช้โซ่มนุษย์ต่อต้านการจับกุม ปิดกั้นการจราจร ขัดขวางการทำงานของรัฐและการดำเนินชีวิตปกติของประชาชนอย่างที่ทำ ๆ กันอยู่</p><p>เรียกได้ว่า นอกจากจะมีการประดิษฐ์คำให้สวยหรูขึ้นแล้ว ยังมีการบิดเบือนความหมายในทางปฏิบัติให้แย่ลงอีกด้วย</p><p>ปรากฏการณ์เหลือง-แดงกำลังจะสร้างค่านิยมใหม่ทางการเมืองของไทย เป็นการขัดขืนในแบบที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติ ยิ่งแก้ยิ่งตีบตัน ทำให้ภาพของการเมืองเปลี่ยนไป มันไม่ได้สวยงามเหมือน 14 ตุลา ที่วิสาได้วาดไว้อีกต่อไป</p><blockquote><p>๏ ไม่มีสาระใดในโลกหล้า<br>พวกม็อบผลัดกันมาทำอดสู<br>ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเชิดชู<br>ประชาชนโดนตู่นิรันดร์ไป ฯ</p><p>๏ เมื่อบ้านเมืองวุ่นวายไม่จบสิ้น<br>ประชาชนด่าวดิ้นไปยกใหญ่<br>เมื่อแสงทองส่องหล้านภาลัย<br>พบแต่ซากประดับไว้ในแผ่นดิน ฯ</p></blockquote><p>ขอเรียกร้องให้เอาผิดกับผู้เคลื่อนไหวผิดกฎหมายทั้งหมดโดยเร็ว ไม่ว่าเหลืองหรือแดง ก่อนที่ภาพการเมืองจะเละเทะไปกว่านี้ อย่าให้ลูกหลานจดจำเป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป</p><p>(เขียนขยายความจาก <a href="http://thep.blogspot.com/2009/04/mob-poetry.html">blog ของผม</a>)</p> <div></div>Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-3468295255592449242.post-79125281670798740502009-02-22T11:23:00.000+07:002012-09-19T14:14:08.628+07:00The God-Damned Bike Week <p>เมื่อครั้งที่ผมรู้จักชื่องาน "ไบค์วีค" เป็นครั้งแรกนั้น ผมไม่รู้มาก่อนว่ามันคืองานอะไร แต่สิ่งแรกที่ผมรู้เกี่ยวกับมันก็คือ เสียงของฝูงฮาร์เลย์-เดวิดสันที่แผดเสียงอาละวาดเป็นระยะ ๆ หลังเที่ยงคืนจนถึงเช้า ในระหว่างที่ผมกำลังฟื้นตัวจาก <a href="http://thep.blogspot.com/2008/03/paracetamol-powered.html">ไข้</a> เมื่อปีที่แล้ว ทำเอาไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน เป็นอุปสรรคต่อการรักษาตัวพอสมควร</p><p>นี่มันก็มาอีกแล้วครับ หลังจากที่มาอาละวาดตอนกลางวันไปบ้างแล้ว เมื่อคืนนี้ก็เป็นเหมือนปีกลายอีก เดี๋ยวฝูงใหญ่ เดี๋ยวฝูงเล็ก รบกวนการพักผ่อนของชาวบ้าน เมื่อคืนผมเลยอดนอนทั้งคืน เพราะสะดุ้งตื่นกับเสียงมอเตอร์ไซค์นรกนี้</p><p>เมื่อปีกลาย ผมได้ไปร้องเรียนที่เว็บไซต์ของเทศบาลนครขอนแก่น แต่ปรากฏว่าไร้เสียงตอบรับใด ๆ ทั้งสิ้น อีกทางหนึ่งก็ไปโพสต์ร้องเรียนที่เว็บบอร์ดยอดนิยมของท้องถิ่น แต่ปรากฏว่าผมเองเป็นฝ่ายถูกขอให้อดทน เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม จากนั้นก็ตามด้วยเสียงชื่นชมงานไบค์วีค พร้อมโพสต์รูปรถ รูปพริตตี้ ตามมาเป็นขบวน</p><p>ปีนี้ ผมคงจะไม่สามารถพึ่งพาใครได้อีก ก็คงได้แต่เขียนบันทึกบ่นไว้ที่นี้</p><p>ผมไม่ได้ต่อต้านการจัดงานแสดงรถใด ๆ ผมเพียงจะขอร้อง เรื่องการใช้เสียงในยามวิกาล จำเป็นไหมที่จัดงานแสดงรถแล้ว จะต้องเอาออกมาอวดศักดายามค่ำคืน ที่ประชาชนจะต้องพักผ่อนนอนหลับกัน? และอันที่จริง การออกมาวิ่งกันเป็นฝูงในเวลากลางวัน ก็รบกวนโสตประสาทมากพอดูแล้ว การใช้เสียงในยามวิกาล ยิ่งไม่น่าให้อภัย</p><p>เมื่อปีกลาย ผมหนักใจกับคำว่า "วีค" ใน "ไบค์วีค" พอสมควร เพราะการอดนอนในแต่ละคืน มันมีผลอย่างมากต่อคนที่กำลังฟื้นไข้ การต้องทนไปถึงหนึ่งสัปดาห์ จึงเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก แต่ผมคิดว่า แม้กับคนที่ไม่ได้กำลังฟื้นไข้ การอดนอนติดต่อกันหนึ่งสัปดาห์ ก็น่าจะทำให้สุขภาพเสื่อมโทรมได้มากกว่าการดื่มสุราเสียอีก</p><p>ผมหมดที่พึ่งแล้ว จึงได้แต่ขอไว้ ณ ที่นี้ ขอให้ควบคุมการนำรถออกวิ่งในยามวิกาล หรือถ้าจะให้ดี ก็จำกัดการใช้เสียงให้อยู่แต่ในบริเวณงานเท่านั้น ไม่ต้องเอาออกมาวิ่งตามท้องถนนเลย จะเป็นไปได้ไหม?</p> <div></div>Thephttp://www.blogger.com/profile/10435804402627433015noreply@blogger.com3