วิสา '52
บทกวีวรรคทองที่ วิสา คัญทัพ เขียนให้กับเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 นั้น ดูสวยงามเพริศแพร้ว และกลายเป็นแรงบันดาลใจต่อผู้รักเสรีภาพและประชาธิปไตยในยุคต่อ ๆ มา
๏ ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า
เหล่าผู้นำต่างมาแล้วสาปสูญ
ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเทิดทูน
ประชาชนสมบูรณ์นิรันดร์ไป ฯ๏ เมื่อยืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่
ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่
เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ
ประชาชนย่อมเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ฯ
แต่เหตุการณ์บ้านเมืองทุกวันนี้ กลับตาลปัตรไปหมด การเคลื่อนไหวทางการเมืองกลับทำให้ผู้คนเหนื่อยหน่าย เป็นการเคลื่อนไหวที่ไร้ขอบเขต ละเมิดสิทธิของผู้อื่นอย่างไม่ปรานีปราศรัย เป็นการใช้คำว่า "civil disobedience" หรือ "ดื้อแพ่ง" หรือที่มีการประดิษฐ์คำใหม่ให้ดูดี (แต่ผิดหลักการประสมคำและผิดความหมาย แต่ไม่ขอลงรายละเอียดในที่นี้) ว่า "อารยะขัดขืน" แบบผิด ๆ
civil disobedience (ขอทับศัพท์ละกัน เพื่อเลี่ยงความสับสน) นั้น เป็นการจงใจขัดขืนกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพในแบบอหิงสา โดยยอมรับโทษทัณฑ์ตามกระบวนการยุติธรรม และ ไม่มีการต่อสู้ขัดขืนการจับกุม แต่อาศัยการร่วมใจของผู้ร่วมเคลื่อนไหวในการสร้างความเปลี่ยนแปลง โดยไม่ใช่การบุกยึดสถานที่ ใช้โซ่มนุษย์ต่อต้านการจับกุม ปิดกั้นการจราจร ขัดขวางการทำงานของรัฐและการดำเนินชีวิตปกติของประชาชนอย่างที่ทำ ๆ กันอยู่
เรียกได้ว่า นอกจากจะมีการประดิษฐ์คำให้สวยหรูขึ้นแล้ว ยังมีการบิดเบือนความหมายในทางปฏิบัติให้แย่ลงอีกด้วย
ปรากฏการณ์เหลือง-แดงกำลังจะสร้างค่านิยมใหม่ทางการเมืองของไทย เป็นการขัดขืนในแบบที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติ ยิ่งแก้ยิ่งตีบตัน ทำให้ภาพของการเมืองเปลี่ยนไป มันไม่ได้สวยงามเหมือน 14 ตุลา ที่วิสาได้วาดไว้อีกต่อไป
๏ ไม่มีสาระใดในโลกหล้า
พวกม็อบผลัดกันมาทำอดสู
ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเชิดชู
ประชาชนโดนตู่นิรันดร์ไป ฯ๏ เมื่อบ้านเมืองวุ่นวายไม่จบสิ้น
ประชาชนด่าวดิ้นไปยกใหญ่
เมื่อแสงทองส่องหล้านภาลัย
พบแต่ซากประดับไว้ในแผ่นดิน ฯ
ขอเรียกร้องให้เอาผิดกับผู้เคลื่อนไหวผิดกฎหมายทั้งหมดโดยเร็ว ไม่ว่าเหลืองหรือแดง ก่อนที่ภาพการเมืองจะเละเทะไปกว่านี้ อย่าให้ลูกหลานจดจำเป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป
(เขียนขยายความจาก blog ของผม)
ป้ายกำกับ: politics
2 ความคิดเห็น:
:) , อ๊ะ องค์ลง.. ( เทพ ) ของจริง
โดนใจ เข้าสมัยเลยนะพี่เทพ อิอิ
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก